ถ้านับรวมไปถึงการนั่งเก้าอี้ประธาน เรอัล มาดริด ครั้งก่อนของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ....นี่จะเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ที่ เรอัล มาดริด ภายใต้การบริหารของชายผู้นี้....ไม่มีแชมป์ติดมือเลยแม้แต่รายการเดียว
ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เข้ามารับช่วงต่อจาก บิเซนเต้ โบลูด้า ประธานชั่วคราวที่เข้ามาแทนที่ ราม่อน กัลเดร่อน หลังจากเหตุการณ์อื้อฉาวเรื่องการโกงเงินสโมสร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของเขา หลังจากลาออกไปในครั้งแรก
ในครั้งแรกที่เขาบริหาร เรอัล มาดริด เริ่มแรกตั้งแต่ปี 2000 ในช่วงแรกๆ นโยบายและแนวบริหารของเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ภายใต้การบริหารของ เปเรซ ร่วมกับ ฮอร์เก้ บัลดาโน่ ในฐานะผู้อำนวยการทั่วไป, เอมิลิโอ บูตราเกโน่ ในฐานะผู้ช่วย โดยมีโค้ช บีเซนเต้ เดลบอสเก้ ในฐานะผู้จัดการทีม คอยดูแลผลงานในสนาม โดยเขามากับนโยบาย "กาลาคติคอส" ซึ่งเป็นศัพท์ภาษาสเปนแทนคำว่า "ซุปเปอร์สตาร์" ของภาษาอังกฤษ นักเตะซุปเปอร์สตาร์ย้ายเข้ามาร่วมทีม ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด
ไม่ว่าจะเป็น หลุยส์ ฟิโก้, ซีนาเดน ซีดาน, โรนัลโด้, โรแบร์โต การ์ลอส โดยผสมกันกับการใช้นักเตะท้องถิ่นที่ขึ้นมาจากเยาวชนอย่าง ราอูล และ กาซิยาส ทำให้ เรอัล มาดริด ในช่วงระหว่างปี 2000 ที่ เปเรซ เข้ามาเริ่มทำงาน ถึงปี 2003 เรอัล มาดริด ประสบความสำเร็จเป็นอย่างล้มหลามทั้งใน และ นอกสนาม การคว้าแชมป์ ลาลีก้า สองครั้ง และ ยูฟ่าแชมป์เปี่ยนส์ลีก อีกหนึ่งครั้ง ถือเป็นเครื่องการันตีบอกถึงความสำเร็จได้เป็นอย่างดี
ภายหลังจากนั้น ตั้งแต่ปี 2003 ถึงการจากไปของ เปเรซ ในตำแหน่งประธานในปี 2006 เรอัล มาดริด เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายต่อหลายครั้งในทุกๆระดับ ซึ่งการขาดเสถียรภาพครั้งนี้ก็ส่งผลต่อผลงานในสนามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เอมิลิโอ บูตราเกโน่ ขึ้นมาเป็นรองประธานสโมสร แล้วก็กลับมาเป็นผู้อำนวยการทั่วไป แล้วก็ถูกแทนที่ด้วย อาร์ริโก้ ซาคคี่ และ ซาคคี่ ก็ถูกแทนด้วย เบนิโต้ ฟลอโร่....บีเซนเต้ เดล บอสเก้ ถูกแทนที่ด้วย คาร์ลอส กีรอซ แล้ว กีรอซ ก็ถูกแทนที่ด้วย กามาโช่ แล้ว กามาโช่ ก็ถูกแทนที่ด้วย การ์เซีย เรม่อน แล้ว การ์เซีย ก็ถูกแทนที่ด้วย วันแดร์เลย์ ลุกชอมบูร์โก้ แล้วสุดท้ายก็ถูกแทนที่ด้วย โลเปซ กาโร่....แล้วในที่สุด ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ก็ถูกแทนที่ เฟร์นานโด มาร์ติน ประธานรักษาการ หลังจากเขายื่นใบลาออกในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี 2006 หลังการพ่ายแพ้ต่อ เรอัล มายอร์ก้า...
ในช่วงปี 2003-2006 อันไร้เสถียรภาพ เรอัล มาดริด ของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรได้เลย...
หลายๆคนอาจจะวิจารณ์ว่าการล้มเหลวครั้งนี้ เป็นบทพิสูจน์ว่านโยบาย "กาลาคติคอส" ล้มเหลว ตามมาด้วยเสียงบ่นยอดฮิต (ที่ผมได้ยินแล้วโคตรจะรำคาญ) ว่า "เงินซื้อความสำเร็จ ไม่ได้ ฮ่าๆ สมน้ำหน้า" ประมาณนี้ ก็แล้วแต่คนวิจารณ์ แล้วแต่มุมมองนะครับ แต่มันก็ชัดเจนว่า เหตุผลหลักของการล้มเหลวไม่เป็นท่าในช่วงท้ายของการบริหาร เรอัล มาดริด โดย ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เป็นเพราะการขาดความ "อดทน" ของเขา และ การขาดแผนการ แนวทางในระยะยาว...ส่งผลทำให้ เปเรซ เลือกแก้ปัญหาในทางที่ไม่ส่งผลดีต่อทีม....ทั้งหมดนี้ทำให้ทีมขาด "เสถียรภาพ"
ฟลอเรนติโน่ เปเรซ กลับมา เรอัล มาดริด อีกครั้งเมื่อต้นซีซั่นที่ผ่านมา (ก่อนเข้าฤดูกาล 09/10) แฟนๆ เรอัล มาดริด ทุกๆคนก็ต่างรู้ว่า เปเรซ เป็นคนที่มีคุณภาพ มีความสามารถเหมาะสม แต่สิ่งที่ทุกๆคนเป็นห่วงก็คงไม่พ้นคำถามที่ว่า เขาจะสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งก่อนๆได้หรือไม่...
และ เปเรซ ก็ทำให้ทุกๆึคนสบายใจครับ หลังจากเขาบอกยืนยันเองว่า เขาเรียนรู้แล้ว เขาเปลี่ยนไปแล้ว ใช้ความผิดพลาดมาเป็นบทเรียน ความผิดพลาดที่ผ่านมาจะเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ....ในงานเปิดตัว ในฐานะประธานสโมสร เปเรซ ก็ได้กล่าวแถลงการณ์ก่อนเข้ารับตำแหน่งตามปกติอย่างชัดเจน....ผมตัดมาให้ดูบางส่วนครับ (อ่านตัวเต็ม คลิ๊ก) :
"We must recover the dreams, stability and lost time."
"พวกเราต้องนำ ความฝัน, เสถียรภาพ กลับมาแทนที่ช่วงเวลาที่เราเสียไป"
"We want to return Real Madrid to where it belongs and we will work feverishly, calmly and patiently while carefully taking into account every minute detail."
"พวกเราต้องกลับไปเป็น เรอัล มาดริด ที่ๆเราสมควรจะเป็น เราจะทำงานอย่างขยันขันแข็ง, อย่างใจเย็น, และ อย่างอดทน โดยค่อยๆไตร่ตรองทุกๆรายละเอียด"
"We have an innovative, stable and exciting project."
"เรามีแผนงานที่แปลกใหม่, มั่นคง, และ น่าตื่นเต้น "
"Real Madrid must not forget where it comes from and must have a good idea of where it is going."
"เรอัล มาดริด ต้องห้ามลืมว่าพวกเขามาจากไหน และ ต้องมีแผนการที่ดีอยู่เสมอว่ากำลังจะไปไหน"
.......
.....
ถึงตอนนี้...เรามองย้อนกลับไปดู...แฟนๆ เรอัล มาดริด คงกลับมาถามตัวเองกันอีกครั้งว่ีา...เปเรซ เปลี่ยนไปหลังจากความล้มเหลวครั้งก่อน จริง หรือ ไม่?....แล้วตอนนี้เขามีแผนการอยู่ในหัวรึเปล่าว่ากำลังนำทีมไปในทิศทางไหน...
มันกำลังเดินไปในทิศทางเดิมเหมือนก่อนหน้านี้รึเปล่า?
บทความนี้เป็นบทความที่สองในบทความเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้ของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ตัดสินใจปลด มานูเอล เปเยกรินี่ และนำ โฆเซ่ มูรินโญ่ มาร่วมทีม บทความนี้ก็อย่างที่อ่านไป เพ่งเล็งไปที่การตัดสินใจของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ
บทความต่อไปจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ โฆเซ่ มูรินโญ่....บทความนี้ถูกเขียนขึ้นมาจากความเห็นส่วนตัวด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าใครไม่เห็นด้วยยังไงก็ลองคุยๆกันได้! อยากรู้ความเห็นเพื่อนๆเหมือนกัน (:
