LFPTH : ลาลีก้า สเปน ลีกอันดับหนึ่งของวงการลูกหนัง

ตอนนี้ทางบล็อคได้ทำการ เปลี่ยนระบบ comment จากของ blogger เป็นระบบ disqus.... อ่านรายละอียดเพิ่มเติม (คลิ๊ก)

วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552

PRÓSPERO AÑO NUEVO 2010!



Próspero Año Nuevo 2010 หรือ สุขสรรค์วันปีใหม่ 2553 นะครับ!

ปี 2009 กำลังจะผ่านไปในไม่ช้า โพสต์นี้ก็คงเป็นโพสต์สุดท้ายของปีนี้และ วันนี้ไม่มีอะไรจะพูดมากเนื่องจาก เรื่องราวน่าสนใจๆใน 2010 ก็พูดแล้ว ....เรื่องราวในปี 2009 ก็พูดไปแล้ว { TOP10: ก่อน 2010... [10-8],  TOP10: ก่อน 2010... [7-5],  TOP10: ก่อน 2010... [4-2],  TOP10: ก่อน 2010... [1]}

งั้นวันนี้มาแบบสั้นๆละกัน

เนื่องในโอกาสปีใหม่ ยังไงก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกับปีใหม่ที่จะมาถึง
ไปเที่ยวไหนยังไงก็ระมัดระวังความปลอดภัยด้วยนะครับ


สุขสรรค์วันปีใหม่ครับ! - LFPthailand


TOP10: ก่อน 2010... [1]

คงไม่ต้องอธิบายกันมากสำหรับอันดับ 1 อย่างไรข้อกังขา...
บาร์เซโลน่า
ถือว่าเป็นปีทองของเขาจริงๆ



เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, นักเตะจาก ลา มาเซีย, และ นักเตะคนอื่นๆ ทุกคนล้วนมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จครั้งนี้ของ บาร์เซโลน่า กวาดทุกรายการที่ลงแข่ง รวมทั้งหมด 6 รายการในปีเดียว ไม่เคยมีทีมไหนทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์กีฬาฟุตบอล ชนะคู่แข่งตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด ถึงเบอร์นาบิว 2-6! เป็นการชนะในเบอร์นาบิวด้วยสกอร์ที่ขาดลอยที่สุดนับตั้งแต่ยุคโยฮัน ครัฟฟ์ (ตอนนั้นชนะ 0-5) เด็กๆจาก ลา มาเซีย สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างก้าวกระโดด หนึ่งในนั้นก็คือ ลิโอเนล เมสซี่ ...ปี 2009 นี้ก็ถือเป็นปีทองของเขาเลย กลายเป็นนักเตะเบอร์ 1 ของโลกไปอย่างไร้ข้อกังขา กวาดรางวัลเป็นว่าเล่น (โดยที่ทำลายสถิติคะแนนทิ้งห่างที่ 2 ลิบลับ) ขณะที่โค้ชทีมชุดใหญ่อย่าง แป็ป กวาดิโอล่า ก็กลายเป็นบุคคลในตำนานในระดับโลก และ ระดับสโมสรไปแล้ว ในตลาดนักเตะ การซื้อตัว ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เมื่อมองกลับไป แฟนๆบาร์ซ่าก็ถือให้เป็นหนึ่งในการซื้อที่ดีที่สุดในช่วงหลายๆปีเลยก็ว่าได้

แป็ป กวาดิโอล่า เคยพูดเอาไว้ก่อนเกมส์นัดชิงสโมสรโลกกับ เอสตูเดนเตส ว่า :
“ทุกคน...ถ้าคุณแพ้ในวันนี้คุณก็ยังคงเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกต่อไปในวันพรุ่งนี้...แต่หากคุณชนะมันจะเป็นต่อไปตลอดกาล ”
และวันนี้ พวกเขาก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ความสำเร็จของบาร์ซ่าในปี 2009 คงถูกพูดไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน และต่อๆไป ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานเท่าไรกว่าแฟนๆบาร์ซ่าจะได้สัมผัสปีที่ดีอย่างปีนี้อีก ... จะให้พูดยังไงก็คงไม่จบ... ถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ บาร์เซโลน่า อย่างแท้จริง...

แฟนๆบาร์ซ่าจบปีนี้คงฉลองกันอย่างสบายใจ เต็มที่เลยครับ!
ปีหน้ากลับมาลุ้นใหม่!!

Messi Christmas & Xavi New Year ครับ!!






วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คุ้มไหม?: ในสนาม->อืม.. / นอกสนาม->อืม.. / นอก&ใน->แน่นอน!


คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อเล่นฟุตบอลในสนามอย่างเดียว... นอกสนามเขาส่งผลต่อต้นสังกัดไม่น้อยกว่ากันเลย

ล่าสุดหนังสือพิมพ์ AS ประจำกรุงมาดริดออกมาให้ข่าวว่า โรนัลโด้ เมื่อย้ายมาสเปนสามารถสร้างเงินได้ถึง 80 ล้านยูโรต่อปี! ทั้งๆที่บริษัทจัดการงานของโรนัลโด้ รับงานเพียง 10% ของข้อเสนอที่เข้ามาทั้งหมด เพราะหลายๆงานมันไม่ตรงกับบุคลิกของตัวโรนัลโด้

โดยงานส่วนใหญ่ทางบริษัทรับงาน Gestifute จะเป็นคนรับ โดยจะรับส่วนแบ่งไปเหนาะๆ 20% เหลือให้ เรอัล มาดริด กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปแบ่งกันคนละครึ่ง ตามสัญญาที่เซ็นว่าแบ่งเงินนอกสนามกัน 50/50 (ตอน แบ็คแฮม มาดริด รับ 60/40) เพราะฉะนั้น มาดริดก็รับไปประมาณ 40% ของรายรับทั้งหมด เช่นเดียวกับ โรนัลโด้ (รับไปเหนาะๆรายละ 32 ล้าน)

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ณ เวลานี้จัดได้ว่าเป็นผู้นำในตลาดโฆษณาของบรรดานักเตะอาชีพเลยก็ว่าได้ (เหนือกว่า แบ็คแฮม แล้ว) มีโฆษณาให้เห็นกันไม่ว่าคุณจะไปประเทศไหน อย่างบ้านเราก็น่าจะคุ้นกันดีกับ CLEAR MEN (<-ฉายทั่วโลก) หรือโฆษณาอย่างอื่นก็มี โฆษณาให้กับเครื่องซีรอกซของ บริษัท ฟูจิ, Extra Joss เครื่องดื่มจากประเทศอินโดนีเซีย, Soccerade เครื่องดื่มอีกเหมือนกัน



แต่ใช่ว่าสตาร์ชาว โปรตุกีส จะสนแต่เรื่องนอกสนาม นอกจากนี้ยังมีรายงานออกมาว่า โรนัลโด้ ล่าสุดได้ปัดข้อเสนอมูลค่า 3 ล้านยูโรเพิ่อไปถ่ายโฆษณา เพราะคิวมันดันไปตรงกับตารางฝึกซ้อมของสโมสร....

แต่ท่าทางจำนวนเงินเข้าคลังมันจะสูงไม่พอ ในอีกปีสองปีข้างหน้า เมื่อสัญญาโฆษณาส่วนใหญ่ของโรนัลโด้ก็จะหมดลง  หนึ่งในนั้นก็รวมถึงสัญญาของไนกี้ด้วย [หมดลงหลังจบฤดูกาลนี้]...แน่นอน ไนกี้ คงต้องการต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปแน่ แต่มันคงไม่ง่ายอย่างนั้น เมื่อ อาดิดาส แบรนด์คาดหน้าอกเสื้อสโมสร เรอัล มาดริด คงแหวกตลาดมา พยายามฉกแม่เหล็กดูดเงินรายนี้ร่วมค่ายอย่างแน่ๆ น่าสนใจว่า โรนัลโด้ จะยังคงใส่ไนกี้อยู่รึเปล่า.... แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ มูลค่าของสัญญาจะเพิ่มขึ้นขนาดไหนนะ...

นอกจาก NIKE (2010) สัญญาที่ใกล้จะหมดก็มีเช่นของ น้ำยาสระผม CLEAR MEN (2010), ธนาคาร Espirito Santo (2011), น้ำมัน Castrol (2011)

สัญญาเก่าๆใกล้หมด บวกกับทิศทางเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในขาขึ้น (เช่นเดียวกับสเปน ซึ่งเจอวิกฤติเศรษฐกิจไม่ได้เป็นสองรองใครเลย) การจับจ่ายเงินคงเป็นไปได้คล่องตัวมากขึ้น เมื่อนำปัจจัยต่างๆมารวมกัน คงปฏิเศษไม่ได้ว่า โรนัลโด้ในช่วงที่เรียกว่าพีคที่สุดเลยก็ว่าได้ก็น่าจะมีตัวเลือกในการรับงานใหม่ๆมากขึ้น รายได้ในส่วนนี้ก็น่าจะเพิ่มขึ้นพอสมควรเรอัล มาดริด ก็คงเตรียมเปิดกระเป๋ารับทรัพย์หนักๆอีก



งานนี้ เปเรซ ได้ยิ้ม นั่งเปิดกระเป๋าเก็บตังเข้าคลัง ยาวๆแน่

TOP10: ก่อน 2010... [2-4]




อีกไม่นานแล้วก็จะถึงปี 2010 ก่อนจะถึงวันนั้น LFPthailand ขอพอทุกท่านกลับไปดูสิ่งที่น่าจดจำสิบอย่างในวงการฟุตบอลสเปนในรอบปี 2009 ดีกว่า...


4.


อันดับ 4 ตกเป็นของ.... อีเคร์ มูเนียอิน!! ดาวรุ่งของทางฝั่งแอธเลติก บิลเบา!! วันนี้แฟนๆลาลีก้าคงทราบกันดีว่าเขาเป็นใครมายังไง วันนี้เราลองย้อนกลับไปดูรอบปีที่ผ่านมากันดีกว่า ว่ามูเนียอิน ทำไมนะ... ถึงติดที่ 4!
  • (30 - 7 - 09) มูเนียอิน เปิดตัวกับ แอธเลติก บิลเบา ในวัยเพียง 16 ปี 7 เดือน 11 วัน ลงมาในเกมส์ ยูโรป้าลีก เจอกับ BSC Young Boys ลงมาในฐานะตัวสำรอง และกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ได้สวมเสื้อสโมสรลงสนามในนัดอย่างเป็นทางการในนามนักเตะ แอธเลติก บิลเบา
  • อาทิตย์ถัดมา มูเนียอิน ยิงประตูให้ บิลเบา ใน ยูโรป้าลีก และกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในนามนักเตะ แอธเลติก บิลเบา ในนัดอย่างเป็นทางการ
  • (30 - 8 - 09) มูเนียอิน ลงสนามให้กับ บิลเบา ในลาลีก้านัดแรกของฤดูกาล 09/10 เป็นการเจอกับ เอสปันย่อล ในฐานะตัวจริง และกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ได้สวมเสื้อสโมสรลงสนามในเกมส์ลีกในนามนักเตะ แอธเลติก บิลเบา
  • (4 - 10 -09) มูเนียอิน กลายเป็น ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถยิงประตูได้ในลีกสูงสุด หลังจากยิงประตูให้บิลเบา ก่อนเสมอกับ เรอัล บายาโดลิด ไป 2-2 (ในวัย 16 ปี 289 วัน)
หลังจากนั้นเมื่อต้นเดือน อีเคร์ มูเนียอิน ก็ได้รางวัลจากต้นสังกัด เป็นสัญญานักเตะอาชีพ ซึ่งเซ็นกันยาวถึงปี 2015 หลังจากทำผลงานได้อย่างน่าพอใจกับต้นสังกัด อนาคตของ มูเนียอิน จะเป็นอย่างไร จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอลเหมือนที่เขาทำได้ในปี 2009 อีกหรือไม่... ต้องติดตาม...

3.


การกลับมาของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ สร้างความสั่นสะเทือนกับวงการลูกหนังทั้งโลก... แบรนด์ติดตัวเขาอย่าง "กาลาคติกอส" ก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวัง หลังมันเป็นแค่จากความฝันลมๆแล้งๆในยุคของท่านประธาน (ความเห็นส่วนตัว : ที่ห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล) ราม่อน กัลเดร่อน ซึ่งสัญญา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไว้ในซัมเมอร์ 2008 และ กาก้า ในซัมเมอร์ก่อนหน้านั้น ก่อนแห้วหมด... ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ใช้ระยะเวลาเพียงซัมเมอร์เดียว กวาดสองสตาร์บัลลังดอร์ปีล่าสุด (เมื่อตอนนั้น) เข้าถิ่น ซานติเอโก้ เบอร์นาบิว เปเรซ ลงทุนกับทีมชุดนี้ด้วยเงินมหาศาล ใช้ไปถึง 254 ล้านยูโร ในฤดูกาลเดียว เงินที่จ่ายออกไปนั้นจะคุ้มค่าไหม? อันนี้คงต้องดูกันยาวๆ...

หลังจากจบครึ่งฤดูกาล มีเสียงสะท้อนจากผลงานของทีมมาว่า การลงทุนเริ่มที่จะแสดงผลงานออกมาแล้ว และแฟนๆบอลส่วนใหญ่ก็ให้เครดิตต่อ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ และยกย่องเขาว่าเขาไม่ใช่คนเก่าที่ปลดกุนซือมั่วซั่ว, ซื้อนักเตะโดยไม่ปรึกษาโค้ช, มองแต่ผลงานนอกสนาม จนถึงตอนนี้การกลับมาของ เปเรซ ยังไม่มีข้อติ จะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกนานไหม... เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์!


2.


ถ้าจะพูดถึงเรื่องดีๆในสเปนในปีที่กำลังจะผ่านไป จะไม่มีทีมชาติสเปนได้อย่างไร! ในปีนี้แพ้เพียงแค่ครั้งเดียว จบปีคะแนน FIFA ranking ด้วยการเป็นอันดับ 1 ชนะทุกนัดที่ลงแข่งในบอลโลกรอบคัดเลือก ผลงาน 47 ประตู จาก 16 แมตช์ ซึ่งชนะไปซะ 15 น่าจะเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จของทีมชาติชุดนี้ได้เป็นอย่างดี การจะประสบความเร็จต่อเนื่องจากยูโร ไปจนถึงบอลโลก ไม่ใช่เรื่องง่ายๆไม่ว่าจะเป็นทีมชาติไหนก็ตาม มันคงเป็นบทพิสูจน์สำคัญของชาวสเปนทั้งชาติ น่าสนใจว่าจะทำได้หรือไม่... แต่ที่แน่ๆ พวกเขาได้เข้าสู่ปี 2010 ในช่วงเวลาคงดีไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว....





ติดตามอันดับต่อไปได้ใน TOP10: ก่อน 2010... [1]

วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

L'equipe ประกาศยอดทีมประจำ 2009!



ใกล้จะรูดม่านจบปีเต็มทีแล้ว วันนี้หนังสือพิมพ์ L'equipe (เลกิ๊ป) ประจำประเทศฝรั่งเศสได้ประกาศทีมยอดเยี่ยมประจำรอบปีที่ผ่านมา แล้วก็ตามคาด มีนักเตะบาร์ซ่าติดทีมถึง 5 คนด้วยกัน! ไม่ว่าจะเป็น ดาเนี่ยล อัลเวส, ยาย่า ตูเร่, ซาบี, ลิโอเนล เมสซี่, และ อันเดรส อิเนสต้า ส่วนผู้เล่นลาลีก้ามีทั้งหมด 6 คน 5 คนเป็นของบาร์ซ่า ส่วนอีกคนนึงก็เป็น อีเคร์ กาซิยาส จาก เรอัล มาดริด ที่เหลืออีก 5 รายก็มาจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษหมด

น่าแปลกใจที่ทำไมครั้งนี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ ริคาร์โด้ กาก้า ไม่มีชื่อติดทีม...

L'equipe ประกาศทีมยอดเยี่ยมประจำ 2009! :



ส่วนข้างล่างนี้เป็นทีมที่แฟนบอลโหวตเข้ามา :



รายละเอียดเพิ่มเติม :
http://www.lequipe.fr/Football/EquipeType/EQUIPE_TYPE_MONDE_2009.html

TOP10: ก่อน 2010... [5-7]




อีกไม่นานแล้วก็จะถึงปี 2010 ก่อนจะถึงวันนั้น LFPthailand ขอพอทุกท่านกลับไปดูสิ่งที่น่าจดจำสิบอย่างในวงการฟุตบอลสเปนในรอบปี 2009 ดีกว่า...

 TOP10: ก่อน 2010... [10-8]

7.


อันดับ 7! ตกเป็นของทีมจากแคว้น บาสก์ อย่าง แอธเลติก บิลเบา! พวกเขาเป็นทีมที่เคยได้แชมป์ โคปา เดล เรย์ หรือ คิงส์ คัพ ของประเทศสเปน มาถึง 23 ครั้ง (น้อยกว่า บาร์เซโลน่า เพียงทีมเดียว) แต่ใน 24 ปีหลังสุด แอธเลติก บิลเบาไม่เคยแม้แต่จะมีโอกาสเข้าชิงแชมป์รายการนี้แม้แต่ครั้งเดียว (ครั้งสุดท้ายเมื่อ 1985) มันจึงเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างมากที่ในปี 2009 พวกเขาสามารถกลับมาเข้าชิงรายการนี้อีกครั้ง ถึงแม้ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้ต่อ บาร์เซโลน่า ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ไปก็ตาม



6.


เป็นปีแจ้งเกิดให้กับนักเตะคนนี้จริงๆ! เปโดร โรดริเกซ!! เป็นปีที่เขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของบาร์เซโลน่าอย่างเต็มตัว ภายหลังก็ได้รับสัญญานักเตะอาชีพจากบาร์เซโลน่า ซึ่งจะมีอายุถึงปี 2014 และ buy-out clause สูงถึง 75 ล้านยูโร ล่าสุดก็ไปยิงประตูในฟุตบอลสโมสรโลก ช่วยให้บาร์เซโลน่ายังไม่ตกรอบ(ก่อนที่เมสซี่จะยิงส่งให้เข้าไปชิง) ถือว่าเป็นประตูที่เขียนชื่อ "เปโดร" บนบันทึกประวัติศาสตร์เลย หลังจากกลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลที่สามารถยิงประตูครบ 6 ถ้วยเมเจอร์ในฤดูกาลเดียว คงเป็นปีที่เปโดรไม่สามารถลืมได้จริงๆ...





5.


อันดับที่ 5... ยกให้ มายอร์ก้า และเทรนเนอร์ เกรกอรี มานซาโน... เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า อาจจะได้รับเสียงชมจากนักวิจารณ์มากมาย... หลายๆคนคิดว่า ลาลีก้า มีแต่ มาดริด กับ บาร์ซ่า... ไม่จริง!! มายอร์ก้า ทีมชาวเกาะ ทั้งๆที่มีปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การเข้าชมสนาม, ผู้บริหาร, เงินน้อย, และอื่นๆมากมาย แต่คงไม่มีใครปฏิเศษได้ว่า มานซาโน สามารถทำทีมมายอร์ก้าได้อย่างเหลือเชื่อ หลังจากปีที่แล้วจบอันดับที่ 9 ในลาลีก้า และยังสามารถต่อยอดความสำเร็จมาจบอันดับที่ 5 ในช่วงปิดหนีหนาว เป็นรองแค่ทีมใหญ่ๆอย่าง บาร์ซ่า, มาดริด, เซบีย่า, และ บาเลนเซีย เท่านั้น ถือว่าน่าประทับใจทีเดียว!




ติดตามอันดับต่อไปได้ใน TOP10: ก่อน 2010... [7-5]

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เลือกตั้ง III : ขึ้นเวที..!


โรเซลล์ - เฟร์เร - โกดาล - โซเรียโน่
หนังสือพิมพ์กีฬา Mundo Deportivo ประจำแคว้นกาตาลันวันที่27.12.9 พาดหัวข่าวว่า "A ESCENA" หรือในภาษาไทยแปลว่า "ขึ้นเวที" โดยภาพข้างหลังเป็นผู้สมัครตัวเต็งในตำแหน่งสโมสรบาร์เซโลน่า


เลือกตั้ง I : โจน ลาปอร์ต้า (2003-2010)
เลือกตั้ง II : โจน ลาปอร์ต้า (2003-2010)

หลังเราได้ครอบคลุมเรื่องประธานคนปัจจุบันอย่าง โจน ลาปอร์ต้า ทั้งเรื่องในแง่ดีและแง่ไม่ดี วันนี้เรามาลองดูคร่าวๆกันดีกว่าประธานในอนาคตหลังจากการเลือกตั้ง มีสิทธิที่จะเป็นใครบ้าง...

คนในแคว้นกาตาลัน สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้สามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆคือ กลุ่มสนับสนุนผู้บริหารชุดปัจจุบันต่อไป กลุ่มที่สองคือต้องการ "เปลี่ยนแปลง"

อัลฟอนส์ โกดาล  -  เฆาเม่ เฟร์เร


สำหรับกลุ่มที่หนึ่ง ในเมื่อ โจน ลาปอร์ต้า เป็นตัวไม่ได้... แล้วคำถามคือถ้าคนอยากเลือกลาปอร์ต้าต่อหล่ะต้องทำยังไง? คำตอบก็คือ เลือก "ตัวแทน" ของลาปอร์ต้า ซึ่งบอร์ดบริหารชุดปัจจุบันรวมทั้งลาปอร์ต้าจะคัดเลือกกัน เพื่อให้ได้ชื่อเพียงหนึ่งชื่อ และนำเสนอเป็นตัวแทนของบอร์ด หากใครประทับใจ และ อยากลงคะแนนให้ผู้บริหารปัจจุบันทำงานต่อ (แน่นอนว่า ลาปอร์ต้า เป็น "ตัวแทน" ของตัวเองไม่ได้) แล้วคนๆนั้นคือใครหล่ะ?

คำตอบก็คือ...ยังไม่รู้... ตอนนี้บอร์ดยังตกลงกันออกมาเป็นชื่อเดียวไม่ได้ แต่ตัวเลือกที่เกี่ยงกันอยู่ก็มีอยู่หลักๆ 2 คนที่เป็นไปได้มากสุด คนที่สองและสาม (ซ้ายไปขวา) ในปกหนังสือพิมพ์ข้างบนนั่นคือ เฆาเม่ เฟร์เร และ อัลฟอนส์ โกดาล ตามลำดับแน่นอนว่าปรัชญาการบริหาร และ โครงสร้างต่างๆในสโมสรคงคล้ายคลึงกับในยุค ลาปอร์ต้า หรือสุดท้ายอาจจะไม่ใช่สองคนนี้ก็ได้ที่เป็นตัวแทนบอร์ด ซาเบียร์ ซาล่า มาร์ติน ก็เป็นอีกคนที่มีข่าวว่าอาจจะเป็นตัวเลือกได้


สำหรับกลุ่มที่สองคือกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเก้าอี้สโมสร มีผู้สมัครหลายต่อหลายคน บางคนก็ออกมาประกาศว่าจะสมัครแล้ว บางคนก็ยังเงียบๆดูท่าที สำหรับตัวเต็งจริงๆที่น่าจะมีคะแนนเสียงขึ้นมาสู้กับฝ่ายขั้วอำนาจปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้น "ซานโดร โรเซลล์" ซึ่งอดีตเคยเป็นมือขวาของ โจน ลาปอร์ต้า ในสมัยเข้ามารับงานใหม่ๆด้วย

ซานโดร โรเซลล์


โรเซลล์ ถือว่าเป็นตัวเต็งของการเลือกตั้งครั้งนี้เลยก็ว่าได้ นอกจากจะเป็นอดีตมือขวาของ ลาปอร์ต้า ยังเป็นอดีตผู้บริหารของบริษัท "ไนกี้" ซึ่งเขาทำงานในวงการฟุตบอลบราซิล เมื่อเลิก เขาก็ยังมีเส้นสายอยู่ ซึ่งเขาก็ได้ใช้เส้นสายนี้ในการช่วยเซ็นสัญญากับ โรนัลดินโญ่ และ เดโก้ ซึ่งเป็นแกนหลังของ บาร์เซโลน่า ของ แฟร็งค์ ไรจ์การ์ด หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลาออก (2005) ให้เหตุผลว่าปรัชญาการทำทีมของ ลาปอร์ต้า ไม่เหมือนตอนที่บอกไว้ตอนแรก และก็ได้ประกาศตัวเองว่าเขาจะมาเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งตลอด แต่ความสำเร็จในช่วงท้ายๆของบาร์เซโลน่าในช่วง ลาปอร์ต้า จะมีผลต่อความนิยมของ โรเซลล์ หรือไม่ ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่เคลียร์...

นอกจาก โรเซลล์ ผู้ที่จะมาเป็นตัวเลือกของผู้คนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงก็ยังมีคนอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็น เฆาเม่ กีซ่า, เฟร์รัน โซเรียโน่, อากุสติ เบเนดิโต้, และอีกหลายๆรายที่ยังไม่ได้ประกาศตัว

ตอนนี้ทุกๆอย่างยังไม่เคลียร์เท่าไร ผู้สมัครหลายๆคนก็ยังไม่ออกมายืนยันว่าจะลงสมัครไหม ตัวแทนบอร์ดชุดปัจจุบันก็ยังไม่ได้ข้อสรุป (คาดว่าน่าจะได้เร็วๆนี้) นโยบายของแต่ละคนก็ยังไม่ถูกประกาศออกมาชัดเจน (ของบางคนอาจจะเห็นลางๆ แต่ก็ยังเปลี่ยนแปลงกันได้) แฟนๆบอลบาร์เซโลน่าคงต้องรอต่อไปเพื่อความชัดเจน และเพื่อสนับสนุนประธานสโมสรที่ดีที่สุดสำหรับสโมสรรักของพวกเขา

TOP10: ก่อน 2010... [8-10]



อีกไม่นานแล้วก็จะถึงปี 2010 ก่อนจะถึงวันนั้น LFPthailand ขอพอทุกท่านกลับไปดูสิ่งที่น่าจดจำสิบอย่างในวงการฟุตบอลสเปนในรอบปี 2009 ดีกว่า...


10.


เริ่มต้นกันเลยดีกว่าที่อันดับ 10... เราขอมอบให้ ดีเอโก ฟอร์ลัน ดาวยิงแอต.มาดริด!  ดาวยิงชาวอุรุกวัย ในปี 2009 เขาก็ได้ตอกย้ำความสำเร็จบนแผ่นดินสเปนอีกครั้งโดยการคว้ารางวัล "ปิชิชี่" (ยิงเยอะสุดในลีก) และ "รองเท้าทองคำ" (ยิงเยอะสุดในยุโรป *เมื่อคิดคะแนนออกมา) ทั้งคู่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ (ได้ครั้งแรกสมัยอยู่ บียาร์เรอัล) ในฤดูกาล 2008/2009 เขายิงไปถึง 32 ประตู จากการลงสนาม 33 นัด ทำให้แอตเลติโก้ มาดริด คว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่จนได้ ในซัมเมอร์มีข่าวว่าเขาจะย้ายทีมหลายต่อหลายครั้ง (แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เรอัล มาดริด, และอื่นๆ...) แต่สุดท้ายเขาก็ยังอยู่ ปีนี้แม้แอตมาดริดผลงานไม่ดี แต่เขาก็ได้ช่วยทีมอย่างสุดความสามารถ ยิงไป 6 ลูกใน 11 เกมส์ 2009...อีกหนึ่งปีประทับใจของ ดิเอโก ฟอร์ลัน!


9.


เฆเรส? ทีมอย่างเฆเรส? น่าประทับใจ? มี 7 คะแนนเมื่อผ่านมาจนเบรกคริสต์มาส อยู่อันดับบ๊วยของลาลีก้า... นั่นแหละครับที่น่าประทับใจ ทีมเล็กๆ(มาก...) อย่าง เฆเรส สามารถจบฤดูกาลในเซกุนด้าด้วยการเป็นแชมป์ ขนาดทีมใหญ่อย่าง ซาราโกซ่า ยังพลาดแชมป์ให้เฆเรส ทำให้ทีมเล็กๆ(มาก...)อย่าง เฆเรส ขึ้นลีกสูงสุด "ลาลีก้า" ครั้งแรกในรอบ 62 ปี เมืองเล็กๆในแคว้น อันดาลูเซีย ฉลองกันอย่างบ้าคลั่ง ถือเป็นที่น่าปลื้มใจแทน แม้ว่าพอขึ้นมาแล้วก็คงตกลงไปใหม่ แต่แฟนๆก็คงไม่สามารถลืมช่วงเวลาในปี 2009 ที่พวกเขาสามารถขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์บนลีกสูงสุดได้


8.


อันดับ 8! เป็น เอสปันญ่อล กับสนามใหม่ของพวกเขา คอร์เนญา เอล ปรัต หลังจากใช้สนามชั่วคราวระหว่างการสร้างสนามใหม่นี้ถึง 12 ปี ในรัง โอลิมปิก เด มอนต์จูอิค ในที่สุดในปี 2009! พวกเขาก็ได้ย้ายมาบ้านใหม่ซะที



ติดตามอันดับต่อไปได้ใน TOP10: ก่อน 2010... [7-5]

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กาลาติกอส 1.2?


เมื่อผมเห็นข้อความข้างบนปุ๊บจากสื่อโปรตุเกส....ทันใดนั้นเอง....ผม....ก็ตัดสินใจ......เอ่อ.....ใช้ google แปลก่อน (ก็อ่านไม่ออกหนิ!!) พอแปลออกมาได้ความว่า "Figo has Real Madrid's invitation to play again" หรือ หลุยส์ ฟิโก้ ได้รับคำเชิญจากสโมสร เรอัล มาดริด เพื่อกลับมาเล่นอีกครั้ง!! เมื่อผมเห็นปุ๊บ.....ผมขยี้ตาตัวเอง ด้วยความประหลาดใจ คิดกับตัวเองว่าฝันอยู่รึเปล่า แต่พออ่านดีๆก็ถึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป

หลุยส์ ฟิโก้ ได้แขวนสตั๊ตไปกับ อินเตอร์ มิลาน เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว และก็ได้เปลี่ยนบทบาทจากนักฟุตบอล เป็นทูติให้กับอินเตอร์ ล่าสุดหลุยส์ ฟิโก้ได้รับการเชื้อเชิญจากสโมสรเก่าที่เล่นให้ระหว่างปี 2000-2005 อย่าง เรอัล มาดริด ให้กลับมาเตะฟุตบอลในทีมอาวุโส

โดยสื่อก็คาดการว่า ฟิโก้ ก็น่าจะตอบรับคำเชิญ โดยหากตอบรับ ก็ต้องซ้อมกับทีมอาทิตย์ละสองครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มกราคมเป็นต้นไปที่สนามซ้อมของ เรอัล มาดริด บัลเดเบบาส โดยทีมนี้จะเข้าร่วมกับลีกฟุตบอลอาวุโสในร่ม ในขณะเดียวกัน เดปอติโบ ลา คอรุนญา และ บาร์เซโลน่า ก็ส่งทีมเข้าสู่ลีกเช่นกัน

โดยแฟนๆบอลก็จะได้เห็นเหล่าอดีตนักเตะของราชันชุดขาวอีกครั้ง (เลิกเล่นกันไปหมดแล้ว) ไม่ว่าจะเป็น เฟร์นันโด เอียร์โร่ ตำนานแข้งสเปน และ อดีตกัปตัน เรอัล มาดริด ซึ่งปัจจุบันรับหน้าที่ผอ.กีฬาของทัพกระทิงดุ, ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป อดีตตำนานเดนมาร์กและเรอัล มาดริด อดีตโค้ชของ เกตาเฟ่, และ คนสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ ซีเนอดีน ซีดาน อดีตตำนานชาวฝรั่งเศสของ เรอัล มาดริด ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยของท่านประธาน ฟลอเรนติโน่ เปเรซ

นอกจาก เปเรซ จะเนรมิตร กาลาคติกอส 2 มาให้เราเห็นโฉมกันแล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเขากำลังเนรมิตรรุ่นแรกกลับมาใส่เสื้อสีขาวเช่นกัน...

แว๊นไฮโซ! เบนซดวงแข็งรอดรอบสอง!

 
หลายๆคนอาจจะเห็นบ้างแล้วสำหรับข่าวของ คาริม เบนเซม่า ขับรถชน.... ล่าสุด ขับรถชนอีกแล้ว! แต่ก็โชคดีที่ไม่เป็นไรมาก...อีกแล้ว! ส่วนคนอ่านข่าวก็เสียดายรถกันเป็นแถว....อีกแล้ว! โดยในรอบเดือนนี้ก็เคยขับรถชนมาแล้วรอบนึงหลังแมตช์กับ บาร์เซโลน่า ดังภาพข้างล่าง..



คราวนั้นเป็น ออดี้... คราวนี้เป็น แลมโบกินี่ สีเหลือง โดยสาเหตุสื่อสเปนคาดว่าน่าจะเป็นเพราะ เบนเซม่า ไปแว๊นมากับเพื่อนซึ่งขับปอเช่ ซึ่งขับแข่งกันมาหลังจบปาร์ตี้วันเกิดของเขา โดยเขาแผงหน้ารถด้านขวาเละทั้งแถบก็ได้รอยถลอกไป รวมทั้งล้อรถของเขาก็แตกด้วย...






เอามาดูกันให้เสียดายเล่น ฮ่ะๆ

ลาก่อน... Beckham law...

(กฏที่หน้าตาดีที่สุดในโลก)



กำลังจะเข้าปีใหม่ในอีกไม่ช้าแล้ว ปี 2009 ก็จะผ่านไป อะไรหลายๆอย่างก็คงเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา สำหรับปี 2010 สิ่งแรกที่เปลี่ยนในสเปนก็คงเป็นเรื่องของกฏหมายเกี่ยวกับภาษีรายรับของชาวต่างชาติ

กฏนี้กำกับไว้ (ประมาณ) ว่าหากมีต่างชาติเข้ามาในสเปน และ มีรายรับมากกว่าหรือเท่ากับ 600,000 ยูโรต่อปี ก็จะได้สิทธิพิเศษในการเสียภาษี โดยจากเดิมที่ชาวสเปนธรรมดาเขาเสียกันอยู่ที่ 43% ชาวต่างประเทศร่ำรวยพวกนี้ก็จะเสียเพียงแค่ 24% ภายหลังกฏนี้ได้ถูกเรียกกันว่า "Beckham law" หลังจากดาวเตะชาวอังกฤษชื่อดังย้ายเข้าร่วมทีม เรอัล มาดริด และเป็นผู้คนแรกๆที่เข้ารับผลจากกฏนี้

ทีแรกกฏนี้จุดประสงค์หลักคือเป็นการส่งเสริมให้มี นักวิทยาศาสตร์, นักธุรกิจ, และอื่นๆเพื่อช่วยบริษัทในสเปนแบ่งเบาเงินค่าจ้าง แต่ไปๆมาๆ กลับกลายเป็นพวกนักกีฬาโดยเฉพาะนักฟุตบอล ที่ได้รับผลประโยชน์มากๆจากการกฏนี้

เมื่อมีข่าวออกมาว่าจะล้มเลิกกฏนี้ พวกสโมสรในสเปน หรือ LFP(ลาลีก้า) ก็ออกมาแสดงท่าทีต่อต้าน ตอนแรกถึงกับจากประท้วงเลิกเตะกันไปเลย พวกเขาอ้างว่าหากกฏนี้ล้มเลิกไป มันจะส่งผลในระยะยาวต่อฟุตบอลในสเปนอย่างแน่นอน ผู้เล่นคุณภาพต่างชาติก็คงไม่อยากจะมาสเปน คุณภาพของลีกก็จะต่ำลง และ ฝีเท้าของนักเตะสเปนก็จะไม่พัฒนาเท่าที่ควร

พวกเขาอ้างความสำเร็จภายหลัง "Beckham law" ถูกนำมาใช้ว่าสเปนกลายเป็นประเทศแนวหน้าในวงการฟุตบอลยุโรปอย่างแท้จริง สามารถการันตีได้จากรางวัลต่างๆไม่ว่าจะเป็นการที่ บาร์เซโลน่าได้ยูฟ่าแชมป์เปี่ยนส์ลีก 2สมัย, เซบีย่าก็ได้แชมป์ยูฟ่าคัพ(ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น ยูโรป้า ลีก)อีก 2สมัย, ส่วนทีมชาติสเปนก็ได้แชมป์ ยูโร....หากมองแง่ความสำเร็จถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างมาก...

แต่ถึงแม้สโมสรต่างๆจะอ้างแบบนี้ ในความเป็นจริงแล้ว ถึงกฏหมายเปลี่ยน มันไม่ใช่ตัวผู้เล่นหรอกที่จะไม่อยากมา แต่มันจะเป็นสโมสรเองแหละที่ไม่อยากซื้อเข้ามา เพราะเวลาเราเซ็นสัญญากันในสเปน เขาจะเซ็นค่าจ้างในตัวเลขที่ได้ หักภาษีเรียบร้อยแล้ว! (สโมสรจ่ายค่าภาษี) เพราะฉะนั้นมันไม่เกี่ยวกับผู้เล่นจะอยากมาหรือไม่อยากมาเลยในเรื่องของภาษี ถึงภาษีมัน 80% หรือ 10% ถ้าสโมสรจ่ายให้เท่ากัน คำตอบของผู้เล่นก็คงเหมือนกัน

เพราฉะนั้นเวลาที่สโมสรต่างๆพูดว่า การที่ยกเลิกกฏนี้มันจะส่งผลให้นักเตะไม่อยากมา จริงๆแล้วพวกเขาพยายามบอกว่า "พวกเขาต้องจ่ายตังมากขึ้น" มากกว่า เพราะฉะนั้นรายรับของสโมสรเกือบทุกสโมสรในสเปน (ยกเว้นทีมเล็กๆที่ค่าเหนื่อยนักเตะไม่ถึงปีละ 600,000ยูโร และ แอธเลติก บิลเบาที่มีแต่ผู้เล่นในแคว้น)จะว่ากันตรงๆ ทีมที่น่าจะได้รับผลสะท้อนมากที่สุดก็น่าจะเป็นพวกทีมในระดับกลางๆ แบบว่าไม่รวยมาก แต่ก็พยุงตัวอยู่ได้ เมื่อกฏโดนยกเลิกเข้าไปคงพูดไม่ออกกันเป็นแถบ ส่วนพวกสโมสรที่รวยและมั่นคงก็คงอยู่ได้ แค่อาจจะเสียกำไร หรือ อำนาจการซื้อและต่อรองไปพอสมควร

สำหรับคนสเปน เสียงเห็นด้วยกับการเอากฏ "Beckham law" ออกไปมีถึง 88% จากการทำการสำรวจของสถานีวิทยุ Candena SER ก็ชัดเจนว่า มาทำงานในบ้านพวกเขา แล้วยังเอาเปรียบพวกเขาอีก ใครจะชอบหล่ะ...(ถึงแม้จะชอบดูสตาร์ฟุตบอลก็ตาม)

ทั้งนี้คอนเซปง่ายๆคือ สโมสร รัฐบาล ต่างมีเป้าหมายเดียวเท่านั้น คือทำเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้กับสถาบันตัวเอง

โดยกฏนี้จะถึงดึงออกทันทีเมื่อขึ้นปีใหม่ นั่นคือตั้งแต่ 1 มกรา 2010 เป็นต้นไป เป็นการต้อนรับปีใหม่ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป หากมีการเซ็นสัญญานักฟุตบอลที่มีค่าจ้างมากกว่า 600,000 ยูโรต่อปี สโมสรต้องจ่ายภาษี 43% เท่ากับประชากรชาวสเปนทั่วไปให้นักเตะเหล่านั้น เพราะฉะนั้นพวกที่ย้ายมาก่อนหน้านี้ก็จะไม่มีผลใช้งาน สโมสรก็จ่าย 24% เหมือนเดิม เพราะเส้นตายนี้สโมสรที่สนใจนักเตะต่างชาติคงต้องรีบๆจัดการซื้อตัวอะไรให้เสร็จก่อนวันที่ 1 มกราคม เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี ตัวอย่างเช่นการเซ็น อเลฮานโดร โดมิงเกซ ของบาเลนเซีย เป็นต้น... เพราะฉะนั้นน่าสนใจว่าก่อนหน้าจะถึงปีใหม่ จะมีสโมสรให้คว้าตัวนักเตะต่างชาติใครอีก... น่าติดตาม...



*(ภาพ) อเลฮานโดร โดมิงเกซ ของ บาเลนเซีย

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552

หน้าหนึ่งหนาวนี้...



ช่วงปิดหนีหนาวกลางฤดูกาลแบบนี้ บอลก็ไม่ค่อยจะมี ซื้อตัวปีนี้ก็ไม่ค่อยคึกคัก (ตังหมดตั้งแต่ซัมเมอร์แล้วมั้ง...) กลับกลายเป็นผู้จัดการทีมทั้งหลายที่ขโมยซีนขึ้นหน้าหนึ่งอยู่บ่อยครั้ง วันนี้มีข่าวของผู้จัดการทีมสามคนในลาลีก้ามาฝาก

__________________________


มาดูทางฝั่งของ เรอัล ซาราโกซ่า กันก่อนดีกว่า ซาราโกซ่า หลังจากปลด มาร์เซลิโน่ การ์เซีย (ซึ่งผมคิดว่าปลดเร็วเกินไปเปล่า...) พึ่งโดน เรอัล มาดริด ชวนเล่นเทนนิสไปหมาดๆ ก่อนแพ้ไป 6-0 เซ็ต โดยซาราโกซ่าชุดนั้นมี โฆเซ่ ออเรลิโอ กาย(คนขวาของภาพด้านบน) เทรนเนอร์ทีมชุดบีซึ่งขึ้นมากุมบังเหียนชั่วคราว พอหลังจบเกมส์แพ้ยับมา สื่อก็คาดว่า กายไม่รอดแน่ๆ ส่วนตัวเต็งที่จะมายึดเก้าอี้ก็ไม่น่าจะพ้น วิคตอร์ มูนยอซ สวมบทซุปเปอร์แมน รีเทิร์นกลับมาคุมทีมอีกครั้ง

(ถ้าใครจำได้ ปีแรกๆที่คุมซาราโกซ่า มูนยอซ ได้ยกย่องให้เป็นหนึ่งในกุนซือที่น่าจับตามองที่สุดในสเปนเลยก็ว่าได้ {ตอนฟอร์มดีๆเคยชวน เรอัล มาดริด ช่วงกาลาคติกอสแรก ตีเทนนิสมาแล้วด้วย...ถ้าใครจำได้ในโคปาเดลเรย์ขย้ำ 6-1!} ก่อนจะฟอร์มแผ่วลงไปแล้วก็โดนปลดในที่สุด)

แต่แล้วสื่อก็คาดการผิดครับ! กายได้โอกาสอยู่ต่อ โดยทาง เรอัล ซาราโกซ่า ได้ออกมายืนยันผ่านเวปไซต์สโมสรแล้วว่าจะให้ โฆเซ่ ออเรลิโอ กาย อยู่ทำหน้าที่ต่อจนจบฤดูกาล.... ได้รับความเชื่อมั่นขนาดนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่า กายจะฉวยโอกาสได้รึเปล่าก็แค่นั้น น่าติดตามว่าช่วงตลาดซื้อขายที่เหลือจะมีใครเดินเข้าเดินออกถิ่น ลา โรมาเรด้า บ้าง...

__________________________



อีกข่าวนึงที่เอามาฝากก็คือการแต่งตั้ง ลิโญ่(คนซ้ายของภาพด้านบน) เจ้าของสถิติผู้จัดการทีมที่อายุน้อยที่สุดในลาลีก้าในวัยแค่ 26ปี (ตอนนี้ 44 แล้ว) ของทางฝั่ง อัลเมเรีย ซึ่งจะเปิดตัวในวันจันทร์หน้า หลังจากไปปลด ฮูโก้ ซานเชส อดีตนักเตะตำนานสโมสร เรอัล มาดริด ออกไป

ถ้าถามผม ผมว่าน่าเห็นใจ ซานเชสนะ ถึงสไตล์การคุมทีมน่าเบื่อ (ขนาดเป็นกองหน้าสมัยนักเตะ) มากถึงมากที่สุด แต่บอร์ดก็ไม่ให้เวลาบริหารเท่าที่ควร จริงๆผมมองว่า ซานเชส ไม่ได้คุมทีมด้อยกว่าผู้จัดการทีมก่อนๆหรอก (อาจจะด้วยกว่า แต่ไม่ด้อยขนาดที่มันดูเหมือนจะเป็น) แต่สิ่งที่มันทำให้ผลงานตกลงขนาดนี้ก็น่าจะเป็นการขาดหายไปของ อัลวาโร่ เนเกรโด้ มากกว่า ตั้งแต่เปิดฤดูกาล อัลเมเรีย ไม่ใช่ทีมเดียวกับสองฤดูกาลก่อนเลย เพราะฉะนั้น ลิโญ่ ก็เป็นอีกหนึ่งกุนซือที่น่าจับตามองเช่นกันว่าจะสามารถทดแทนการขาดไปของ เนเกรโด้ ได้เนียนแค่ไหน และ ตลาดนี้จะหาใครมาแก้ปัญหาทีม? น่าติดตาม...


__________________________


ส่วนรายข้างล่างสุดในภาพ ไม่น่าจะมีใครไม่รู้จักแล้วในเวลานี้สำหรับ แป็ป กวาดิโอล่า(คนไหนคงไม่ต้องบอก...{ก็เหลืออยู่คนเดียว!}) กุนซือคนเก่งของบาร์ซ่า ตอนนี้ถูกลาปอร์ต้าง้อให้ต่อสัญญาระยะยาวออกไป โดนง้อหลายต่อหลายครั้ง แป็ปก็ยังไม่ให้คำตอบ ส่วนสัญญาของแป็ปก็กำลังจะหมดลงไม่ช้านี้ โดย 18 เดือนที่แล้วเขาเซ็นสัญญากับบาร์ซ่าเป็นเวลา 2 ปี (24 เดือน - 18 เดือน = 6 เดือน) เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งปีก่อนสัญญาจะหมดลง

มันก็ชัดเจนว่าแป็ปคงอยากรอดูนโยบายของผู้สมัครของแต่ละรายในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นช่วงซัมเมอร์นี้ และค่อยมาวิเคราะห์สถานการณ์ของสโมสรและตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเซ็นสัญญายาว ตอนนี้นโยบายของแต่ละคนยังไม่ชัดเจน (ไว้ในโอกาสต่อไปกะว่าจะเขียนบทความเต็มๆเกี่ยวกับ แป็ป และ อนาคตหลังการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น)แฟนบอลคงต้องตามกันต่อไปหล่ะ...



อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพิ่มเติม:
เลือกตั้ง I : โจน ลาปอร์ต้า (2003-2010)
เลือกตั้ง II : โจน ลาปอร์ต้า (2003-2010)

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552

¡Feliz Navidad! ครับทุกคน!!




Feliz Navidad ครับ แฟนๆลาลีก้า และครอบครัว LFPthailand ทุกคน!
ถึงแม้เรายังไม่ได้หยุดเหมือนเมืองนอกเขาก็ตามเหอะ... (เหอๆ)

ขอให้ทีมจากลาลีก้า และ ทีมชาติสเปน ได้แชมป์!
(ขอให้มาดริดเยอะกว่าหน่อย ฮ่าๆ....อะ ฮึ่ม...เป็นกลาง... ฮ่ะๆ)



ขอให้ทุกคนแฮปปี้มีความสุขกับ LFPthailand ในปี 2010 ข้างหน้านะครับ!
ถ้าหากมีข้ออะไรข้างคาใจ หรือ อยากจะแนะนำอะไร หรือจะอยากให้
ผมเขียนบทความเกี่ยวกับอะไร (เกี่ยวกับบอลสเปนนั่นแหละ) อยากรู้
อยากได้รูป หรืออะไรก็ตาม ลองส่งเมลมา หรือไม่ก็บอกไว้ใน comment ก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจครับ!! เต็มที่!
จะพยายามปรับปรุงทำให้ LFPthailand น่าอยู่ที่สุดครับ!


"Feliz Navidad" - LFPthailand

(25/12/09!) ¡Feliz Navidad! - ส่งตรงจากจากสเปน!


ปี 2009 ที่กำลังจะผ่านไปฟุตบอลสเปนถือว่ามีสีสรรค์มากมายเหลือเกิน ถือว่าเป็นอีกปีนึงที่โลกหันมาให้ความสนใจกับลีกลาลีก้า การสร้างประวัติศาสตร์ของบาร์เซโลน่าโดยการคว้าแชมป์ 6 รายการ ไม่เคยมีทีมไหนทำได้มาก่อน และในอนาคตจะมีอีกรึเปล่าก็ไม่รู้ โดยมี แป็ป กวาดิโอล่า เป็นผู้จัดการทีม และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ไปแล้ว ขับเคลื่อนด้วยเด็กจาก "La Masia" ไม่ว่าจะเป็น อินเนสต้า, ซาบี, ปีเก้, กัปตันปูโยล และ มีซุปเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของโลกในเวลานี้ ซึ่งกวาดทุกรางวัลที่เข้าชิงทุกรางวัล และ กวาดเรียบ! (ยกเว้นนักกีฬายอดเยี่ยมแห่งปีของอาเจนติน่า) ลิโอเนล เมสซี่ ปี 2009 นี่ถือว่าเป็นปีทองของนักบอลตัวเล็ก(ผิดกับความสามารถ)อย่างแท้จริง..

ทางฝั่งเมืองหลวงการกลับมากู้ชื่อเสียงของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ซึ่งมาพร้อมกับกล่องของขวัญกล่องใหญ่มูลค่า 250 ล้านยูโรเนรมิตรเทรนด์ "galacticos" อีกครั้ง คว้าสองดาราบัลลังค์ดอร์สองในสามครั้งล่าสุด

ส่วนในปี 2010 แฟนๆบอลลาลีก้าคงพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า คงมีเรื่องให้ตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่าเดิมแน่นอน! บาร์เซโลน่า ชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ คงจะขับเขี้ยวกับ กาลาคติกอส อย่างมันส์จนถึงหยดสุดท้ายแน่นอน ในเวทียุโรป น่าจับตามองทีมจากสเปนทั้งสามทีมว่าจะทำได้ดีแค่ไหน เรอัล มาดริด คงไม่อยากจะสดุดรอบ 16 ทีมอีกแล้ว เพราะหากเป็นเช่นนั้น 254 ล้านยูโรที่เสียไป... เฮ้ออ คงไม่พ้นจากการโดนซ้ำเติมจากสื่อ และไม่แน่ เราอาจจะได้เห็น กาลาคติกอส สามเร็วกว่าที่คิด แต่ถ้าหากพวกเขาผ่านรอบ 16 ทีมไปได้ ไม่แน่ รอบชิงที่เบอร์นาบิว เป้าหมายอาจจะไม่ไกลเกินเอื้อม

ส่วนบาร์ซ่า พวกเขาแน่นอน ต้องการป้องกันแชมป์ และ ต้องการตอกย้ำความสำเร็จจากปี 2009 อาจจะทำไม่ได้ดีเท่า (เพราะมันคงดีไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว) แต่จะทำได้ดีแค่ไหนก็ต้องตามดู นอกจากนี้ ทางฝั่งบาร์ซ่ายังคงต้องตามผลเลือกตั้งประธานสโมสร ซึ่งคงจะส่งผลต่อแนวโน้มนโยบายของสโมสรในอนาคตแน่นอน

และสุดท้าย ไฮไลท์ประจำปี 2010 ของวงการฟุตบอล รายการฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก... บอลโลก... สเปน ชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ (หลายๆคนเชื่ออย่างนั้น) จะตอกย้ำความสำเร็จจากศึก ยูโร ได้หรือไม่ หลักจากไปพลาดท่าให้ อเมริกา ในคอนเฟด จะทำให้ทุกคนลืมฉายา "สิงห์สนามซ้อม หมูสนามจริง" ได้หรือไม่...?

2010...










ภาพ: realmadrid.com


*ดูขนาดเต็มคลิ๊กเข้าไปในรูป
ติดต่อ โฆษนา แนะนำ สอบถาม ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ ได้ที่
 
Web Analytics