LFPTH : ลาลีก้า สเปน ลีกอันดับหนึ่งของวงการลูกหนัง

ตอนนี้ทางบล็อคได้ทำการ เปลี่ยนระบบ comment จากของ blogger เป็นระบบ disqus.... อ่านรายละอียดเพิ่มเติม (คลิ๊ก)

วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

SPL - สแปนิช พรีเมียร์ ลีก


*(ยาวหน่อย แต่อยากให้แฟนๆลาลีก้าลองอ่านครับ)


ลาลีก้า สเปน!

ลีกที่ดีที่สุดในโลก อย่างไม่ต้องสงสัย (?) ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เราได้สตาร์มากมายมาจากลีกต่างๆ เราได้นักเตะที่ดีที่สุดใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ (คริสเตียโน่ โรนัลโด้), นักเตะที่ดีที่สุดใน ลีก กัลโช่ (กาก้า, อิบราฮิโมวิช), เราได้นักเตะที่ดีที่สุดในลีก เดอซ์ ฝรั่งเศส (คาริม เบนเซม่า), ผนวกกับนักเตะระดับโลกที่คับคั่งในลีกอยู่แล้ว ทำให้ ลาลีก้า สเปน ถือเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลก ถือเป็นซัมเมอร์ที่ทำให้ ลาลีก้า ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาืทันทีทันใด มีเงินโปรยปรายถึง 455 ล้านยูโร มากกว่าเดิมถึง 72% ซึ่งถือว่ามากกว่าลีกไหนๆเคยมีมา


สองสโมสรใหญ่ของลีกอย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ต่างมีอำนาจ และ ประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ขับเขี่ยวกันมาตลอด ทำให้สเน่ห์ของลีกยิ่งเพิ่มทวีคูณ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ลาลีก้า ถึงได้รับการยอมรับเป็นลีกที่ดีที่สุดในโลก

จริงๆครับที่ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ต่างมีอำนาจ.....และนั่นแหละ คือปัญหา....

จริงหรือไม่ที่ ลาลีก้า เป็นลีกที่ดีที่สุดในโลก?

แน่นอนครับ ผมเห็นด้วยกับคนที่บอกว่า "เงินซื้อความสำเร็จไม่ได้" แต่มันก็เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า เงิน เป็นส่วนหนึ่งในหลายๆองค์ประกอบ ที่นำมาซึ่งความสำเร็จ หากขาดแรงผลักตรงนี้ไป การจะประสบความสำเร็จมันก็ตรงหาจุดอื่นขึ้นมาทดแทน

ในบางฤดูกาล ทีมเหล่านี้ก็สามารถขึ้นมาแข่งขันได้ อย่างในปีก่อนโน้น บียาร์เรอัล ภายใต้การคุมทีมของ เปเยกรินี่ ขึ้นมาได้ที่ 2 เหนือ บาร์เซโลน่า ในช่วงสุดท้ายของฤดูกาล หรือ ย้อนกลับไปอีก บาเลนเซีย ของ ราฟาเอล เบนิเตซ ขึ้นมาคว้าแชมป์ ลาลีก้่า สเปน หรือ ย้อนกลับไปอีก (ซุปเปอร์) เดปอติโบ ลา คอลุนญ่า ก็คว้าแชมป์มาแล้ว


อย่างไรก็ตาม ทีมเหล่านี้ก็ขึ้นมาได้ไม่นาน ในที่สุดก็ต้องแผ่วลงไป เพราะการขาดเงินทุนที่ต่อเนื่อง การแข่งกับสองทีมใหญ่จึงเป็นไปได้ยาก

ฤดูกาลนี้ เป็นฤดูกาลที่หลายๆคนเริ่มหันกลับมามองในเรื่องนี้มากขึ้น ว่าในอนาคต ลาลีก้า สเปน จะกลายเป็นลีก สก็อตแลนด์ หรือ SPL ซึ่งย่อมาจาก สก็อตติช พรีเมียร์ ลีก....ที่มีแค่สองทีม (เรนเจอร์ กับ เซลติก) แข่งกันแย่งแชมป์รึเปล่า?
ถ้าดูจากตารางปัจจุบันนี่ น่าห่วงครับ...

ที่ 1 กับ ที่สอง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด มีคะแนนห่างกัน 1 แต้ม....ในเวลาเดียวกัน....

ช่องห่างระหว่างที่ 4 มายอร์ก้า กับที่ 2 เรอัล มาดริด ห่างกันถึง 29 คะแนน! ซึ่งน้อยกว่าช่องว่างระหว่าง ที่ 4 มายอร์ก้า กับอันดับสุดท้าย เฆเรส แค่ 1 คะแนน!!

สั้นๆง่ายๆ คือ อันดับ 1-2 ห่างกัน 1 คะแนน - อันดับ 2-4 ห่างกัน 29 คะแนน - อันดับ 4-20 ห่างกัน 28 คะแนน...

ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากๆเลย....อาจจะเป็นเพราะ บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ในปีนี้เล่นกันได้ดีมากๆ บาร์ซ่า ถูกยกให้เป็นทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่วน มาดริด ก็เป็นชุดที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหลายๆปี รวมถึง บาเลนเซีย ก็พึ่งผ่านจุดที่แย่ที่สุดของสโมสรมา (เกือบล้มละลาย) และ เซบีย่า กับ บียาร์เรอัล และทีมอื่นๆ ก็ไม่สามารถคงฟอร์มเก่งได้ตลอดซีซั่น เลยทำให้ช่องว่างตรงจุดนี้มันน่าตกใจ

แต่หลายๆคนอาจจะคิดว่า มันเป็นเรื่องของ "ระบบ" ของลีก....ซึ่งการผูกขาดของสองทีมนี้ก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว....

ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา การซื้อขายทำให้ฟุตบอลสเปนคึกคักเป็นอย่างมาก....แต่ถ้าหักการซื้อขายของ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ออกไป ทำให้เงินที่สโมสรในสเปนใช้จ่ายกันลดน้อยถอยลงถึง 40% มีแค่ 5 ทีมเท่านั้นในลีกที่ใช้เิงินมากกว่า 5 ล้านยูโร ในช่วงตลาดหน้าหนาว มีแค่ 3 สโมสรที่ใช้เงิน

สถิติบ่งบอกว่า เรอัล มาดริด มีแฟนทั้งหมด 13.2 ล้านคนในสเปน ในขณะเดียวกัน บาร์เซโลน่า มี 10.4 ล้านคน ส่วนที่สามเป็นของ บาเลนเซีย มีอยู่ 2.1 ล้านคน....ผู้ึคนสองในสามของทั้งหมดของประเทศสเปนเชียร์ไม่ เรอัล มาดริด ก็ บาร์เซโลน่า (และ หนึ่งในสามที่เหลือนั้นก็คงเชียร์ ไม่ เรอัล มาดริด ก็ บาร์เซโลน่า เป็นทีมรองจากทีมโปรดของเขา)

มันชัดเจนมากว่า ลีก สเปน ขึ้นอยู่กับ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า สองยักษ์ใหญ่ของลาลีก้า

สิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความผูกขาดนั้นคงหนีไม่พ้น สัญญาการถ่ายทอดสดโทรทัศน์ สโมสรในสเปนสามารถต่อรองสัญญาการถ่ายทอดสดได้เองตามสบาย ไม่เหมือนกับลีก กัลโช่ หรือ พรีเมียร์ ที่ทางลีกจะเป็นคนต่อรองค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด แล้วค่อยมาแจกจ่ายทีหลัง แบ่งกันตามผลงานของแต่ละทีม

แน่นอน เมื่อผู้คนต่างต้องการดูติดตามแต่สองยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า พวกเขาจึงสามารถควบคุม ราคาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดของตนเองได้อย่างตามใจชอบ

ทีม อันดับหนึ่ง และ สอง ของลาลีก้าในปีที่ผ่านมา (บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด) ในขณะนี้ทั้งคู่กำลังมีสัญญาอยู่ปีละประมาณ 120 ล้านยูโรต่อฤดูกาล ซึ่งจะไปหมดเอา่ลงปี 2013 (เรอัล มาดริด มากกว่า บาร์เซโลน่า นิดหน่อย) ส่วนทีมที่เข้าป้ายที่สามในปีที่ผ่านมาอย่าง เซบีย่า ได้รับอยู่เพียง 20 ล้านยูโร ต่อฤดูกาล......บาเลนเซีย อีกหนึ่งสโมสรใหญ่ ตอนนี้อยู่ที่ 3 ของตารางได้รับอยู่ประมาณ 30 ล้านยูโร ต่อฤดูกาล.....ซึ่งน้อยกว่า ปอร์ทสมัธ ทีมอันดับสุดท้ายในตาราง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ซะอีก!

ยิ่งไม่นานมานี้ มีผลวิจัยของ Deloitte ซึ่งเป็นสำนักงานจัดอันดับระดับโลก ที่ทุกปีแกก็จะออกมา ประกาศรายชื่อทีมที่ทำรายได้ได้เยอะที่สุดประจำฤดูกาล บางคนอาจจะจำไม่ได้ ลองไปอ่านย้อนหลังได้ครับ - soccersuck - ต้นฉบับ

(พอดีมีไฟล์ซึ่งเป็นฉบับเต็มๆของผลวิจัยครั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าใครอยากได้ลองทิ้งเมลล์ไว้ก็ได้ เดี๋ยวส่งไปให้ - หรือใครที่มีเมลล์แล้วทักในmก็ได้ เดี๋ยวส่งให้)

สรุปง่ายๆคือ เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า เป็นสองสโมสรที่สามารถทำรายได้ได้เยอะที่สุดในโลก โดย มาดริด เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่เคยทำรายได้ทะลุหลัก 400 ล้านยูโร

หลังจากรายงานนี้ออกมา วันรุ่งขึ้น สำนักข่าวในสเปนประกาศเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือหลักฐานแสดงให้เห็นว่า ลาลีก้า เป็นลีกที่ดีที่สุดในโลก!

ทั้งๆที่จริง หากดูอย่างละเอียดๆ มันสามารถแปลเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามเลยได้....ไม่มีทีมไหนเลยนอกจากสองทีมยักษ์ใหญ่ในลาลีก้า ที่ติดอันดับ ท็อป 20 ของการจัดอันดับครั้งนี้....(ในขณะเดียวกันมีสโมสรในอังกฤษถึง 7 สโมสรที่ติดท็อป 20!).....หลังจาก บาร์เซโลน่า อันดับ 2 ต้องลงมาอีกถึง 20 อันดับ ถึงจะเจออีกหนึ่งสโมสรใน ลาลีก้า อย่าง แอตเลติโก มาดริด ที่รั้งอันดับ 22 ทำรายได้ได้ประมาณ 100 ล้านยูโร.....

ทั้งๆที่สโมสรอย่าง แอต มาดริด, เซบีย่า, หรือ บาเลนเซีย มีผู้เล่นระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อเกวโร่, ฟอร์ลัน, บีย่า, ซิลบา, ฟาบีเอโน่, กานูเต้, นาบาส และ อีกมากมาย สโมสรเหล่านี้กลับไม่สามารถแข่งขันกับทีมอย่าง แอสตัน วิลล่า, เอฟเวอร์ตัน, สตุ๊ตการ์ด, หรือแม้กระทั่งสโมสรลีกรองอย่าง นิลคาสเซิ่ล ได้


ถือเป็นเรื่องน่าห่วงมากๆ เพราะในขณะที่ แอตเลติโก มาดริด สามารถไปเล่น ยูฟ่า แชมป์เปี่ยนส์ลีก ได้จากผลงานในลีกฤดูกาลที่ผ่านมา กลับอยู่ต่ำกว่า นิวคาสเซิ่ล ที่ผลงานในลีกแย่จนตกชั้นไปอยู่ แชมป์เปี่ยนชิพ 2 อันดับในการจัดอันดับเรื่องรายได้


ปัญหามันชัดเจนมั้ยครับ?

การขาดอำนาจในการต่อรองกำลังทรัพย์ของทีมเล็กๆทำให้พวกเขา ไม่สามารถขึ้นมาแข่งขันในลีกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

Henry Louis Mencken กล่าวไว้ว่า ทุกปัญหา มีทางออกที่ดูเรียบง่าย เรียบร้อย และ ผิด...

แล้วทางออกที่มันดูเรียบง่าย และ เรียบร้อยของปัญหานี้คืออะไรหล่ะ?

ทุกฝ่ายใน ลาลีก้า ตอนนี้ก็เล็งเห็นปัญหานี้ และไม่นานมานี้ (ต้นเดือนที่ผ่านมา) ตัวแทนของ 11 สโมสรชั้นนำใน ลาลีก้า ซึ่งสองในนั้นก็คือ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ได้มารวมตัวกันเพื่อถกหาว่าทางออกนั้นๆคืออะไร

โดยพวกเขากำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนโฉม ลาลีก้า สเปน โดยเริ่มตั้งแต่โครงสร้างการต่อรองเรื่องลิขสิทธิ์ทางด้านการถ่ายทอดสด...เปลี่ยนมาเป็นระบบเดียวกับลีกอื่นๆในยุโรป อย่าง EPL หรือ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่ทางลีกจะรับหน้าที่เป็นคนต่อรองลิขสิทธิ์ของทั้งลีก แล้วค่อยมาแจกจ่ายแบ่งกันตามผลงานท้ายฤดูกาลของแต่ละทีม

ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่แต่ละสโมสรในสเปนก็ต้องเจรจากับบริษัทถ่ายทอดสดกันเอง ของใครของมัน ซึ่งมันก็ทำให้ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า สามารถต่อรองได้ ทำให้ช่องว่างของรายรับจากการถ่ายทอดสด ซึ่งเป็นรายได้ส่วนที่ใหญ่มากส่วนนึง มันห่างเช่นทุกวันนี้

นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการวางโปรแกรมการถ่ายทอดสด ให้มันเร็วขึ้นกว่าเก่าเพื่อจะได้สามารถแข่งขันกับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเวลาเข้าทางคน เอเชีย ได้บ้าง....ซึ่งถ้าทำได้ก็คงสามารถทำเงินได้มากขึ้นกว่าเก่าพอสมควร


อย่างไรก็ตาม จะมาเปลี่ยนเวลาแบบนี้ มันจะทำได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรอ? แล้วผู้คนแถบ ลาติน ที่เป็นกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ของ ลาลีก้า ในขณะนี้หล่ะ? แล้วถ้าเลื่อนมาเตะเร็วกว่าเก่า คนสเปนจะยอมรับกันได้ไหม? เพราะการมาดูฟุตบอลในช่วงค่ำมันก็เป็นวิถีชีวิต เป็นวัฒนธรรม ของพวกเขา...ถ้าเลื่อนมาแล้ว คนดูในสนามน้อยลง คนลาตินอเมริกันเลิกดู คนเอเชียก็ไม่ค่อยสนใจ ยังคงดูบอลอังกฤษเหมือนเดิม ถ้าเป็นอย่างนั้นคงดูไม่ดีแน่ๆ

หลายๆคนอาจจะคิดว่า เอ่...ได้เงินเพิ่มแล้วมันจะแก้ปัญหาได้จริงๆไหม....เมื่อมีเงินมาล่อตามอันดับในตาราง บอลสเปน จะกลายเป็นไปเหมือน บอลอังกฤษ ที่พอได้เงินเพิ่ม เอาไปซื้อสตาร์ต่างชาติมาเล่น เพื่อทำทีมให้ได้อันดับดีๆในช่วงท้ายฤดูกาล ถ้าได้ก็ดีไป ถ้าไม่ได้ก็ติดหนี้ รึเปล่า....ถ้าเป็นเช่นนั้นเด็กท้องถิ่นของสโมสรก็ไม่ได้เกิด


เพราะฉะนั้น เรื่องแบบนี้ ถ้าจะมาเปลี่ยนกันจริงๆ คงต้องดูรายละเอียดกันแบบถี่ยิบ เพื่อคำณวณทุกข้อได้เปรียบเสียเปรียบ และหา "ทางออกที่ดูเรียบง่าย เรียบร้อย" ที่สุด

โดยจะมีการมาคุยกันอีกทีในวันที่ 10 พฤษภาคม หรือ วันจันทร์หน้า หวังว่าฟุตบอลสเปนจะสามารถก้าวไปข้างหน้าอีกระดับนึง....

LFPTH ก็จะก้าวไปกับ ฟุตบอล สเปน ไม่ว่าจะเป็นก้าวข้างหน้าหรือข้างหลัง....แล้วไว้จะเอาข่าวคราวความคืบหน้ามาฝาก....
blog comments powered by Disqus
ติดต่อ โฆษนา แนะนำ สอบถาม ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ ได้ที่
 
Web Analytics