LFPTH : ลาลีก้า สเปน ลีกอันดับหนึ่งของวงการลูกหนัง

ตอนนี้ทางบล็อคได้ทำการ เปลี่ยนระบบ comment จากของ blogger เป็นระบบ disqus.... อ่านรายละอียดเพิ่มเติม (คลิ๊ก)

วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บาร์ซ่า 1-0 อินเตอร์


ผมได้มีโอกาสดูเกมส์นี้สองครั้งสองครา (ครั้งนึงก่อนอาบน้ำแต่งตัวไปสิงคโปร์ อีกครั้งนึงที่สิงคโปร์) หลายๆคนอาจจะไม่อยากได้ยิน ไม่อยากพูดถึงเกมส์นี้แล้ว แฟนๆบาร์ซ่าอาจจะเซ็งอยู่ หรือ แฟนๆทีมอื่นๆอาจจะได้่ยินเบื่อแล้ว....เอาน่า....ลองอ่านหน่อยละกัน

เป็ป กวาดิโอล่า วันนี้จัดตัวออกมาเล่นระบบ 4-3-3  โดยใช้สามประสานแดนกลางคือ บุสเก็ตต์, เกต้า, และ ซาบี ส่วนแดนหน้าก็มี เปโดร ซ้าย, เมสซี่ ขวา, และ อิบราฮิโมวิช หน้าเป้า

แผนของ มูรินโญ่ ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากจากนัดแรก แต่หลังจากวอร์มอัพ อุ่นร่างกายแล้ว เลยมีการเปลี่ยนตัว จาก โกรัน ปานเดฟ ที่มีชื่อตอนแรกใน 11 ตัวจริง เปลี่ยนเป็น คริสเตียน คิวู....มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 มี เอโต้ ยืนขวา, คิวู ยืนซ้ายหน้า ซานเน็ตติ คอยป้องกันการวิ่งของ อัลเวส

zonalmarking ทำไว้ ขอเอามาใช้หน่อยละกัน

คำถามแรกที่เห็น 11 ตัวจริงที่แฟนๆบาร์ซ่าถามกันน่าจะเป็น การส่ง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ลงตัวจริง อย่างที่เคยพรีวิวก่อนเกมส์ไปแล้ว ในนัีดแรก อิบรา โดน ซามูเอล กับ ลูซิโอ จับซะอยู่เลย แล้วผลที่ออกมาในนัดนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากนัดแรกซักเท่าไร

จังหวะสำคัญในเกมส์คงไม่พ้น ใบแดงของ ดิเอโก ม็อตต้า อดีตผู้เล่น บาร์ซ่า ซึ่งเป็นผลพวงมาจากทักษะการแสดงของ บุสเก็ตต์ (โดน จริง แต่พี่แกไม่น่าดิ้นขนาดนั้น)....จุดที่น่าสนใจคือ ทั้งๆที่โดนไล่ออกไปหนึ่งคน มูรินโญ่ ไม่ได้แก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนตัวสำรองลงสนาม....


เขาตัดสินใจดัน คิวู เข้ามาเล่นตรงกลาง แล้วเอา เอโต้ ไปอยู่ด้านซ้าย มิลิโต้ ไปด้านขวา ซึ่งส่วนใหญ่สองคนนี้ก็ลงมาช่วยเกมส์รับในโซนของ ฟูลแบ็ค ซะมากกว่า....ระบบชัดเจนมากว่าเล่น 4-5-0 โดยใช้ สไนเดอร์ เป็นตัวที่อยู่สูงสุดประมาณเส้นกลางสนาม ซึ่งก็คอยรบกวนไม่ให้สามประสานในแดนกลางอย่าง ซาบี, บุสเก็ตต์, และ เกต้า ออกบอลกันได้ถนัด

ด้วยแผนการเล่นนี้ อินเตอร์ ไม่สามารถครองบอลได้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นการจำกัดพื้นที่ให้ บาร์เซโลน่า เล่นยากขึ้น ซาบี กับ บุสเก็ตต์ สามารถต่อบอลกันได้ ครองบอลกันได้ต่อเนื่อง แต่เนื่องด้วยพื้นที่ที่มันจำกัด สุดท้ายก็ต้องถ่ายบอลออกข้าง เพื่อหาช่องว่าง ให้ด้านขวา อัลเวส ซึ่งฟอร์มในนัดนี้ไม่น่าพอใจเท่าไร ไม่ก็ด้านซ้าย มิลิโต้ ซึ่งสร้างประโยชน์ในเกมส์รุกไม่ค่อยได้

เมื่อบอลถึงด้านข้าง แต่ละฝั่งของ บาร์ซ่า มีผู้เล่นคนเดียวตลอด เพราะ เมสซี่ ก็เข้าไปรอบอลข้างในตลอด ส่วน มิลิโต้ ก็ไม่สามารถเติมเกมส์รุกได้อย่างมีประสิทธิำภาพ ทำให้ฝั่งขวามีแค่ อัลเวส ฝั่งซ้ายมีแค่ เปโดร....ซึ่งก็ต้องดวล ซาเน็ตติ และ ไมค่อน ตามลำดับ.....และในเมื่อ อินเตอร์ ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดเกมส์รุก สองคนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเติมขึ้นไป เลยไม่ค่อยเสียตำแหน่ง

บาร์ซ่า เจาะไม่ได้เลย สุดท้ายก็เลยต้องจบด้วยการยิงไกลอย่างที่เห็น

ซึ่ง เป็ป ก็เล็งเห็นครับ พอหมดครึ่ง เขาก็เปลี่ยนเอา แม็กซ์เวล ซึ่งเป็นแบ็คที่สามารถเติมเกมส์รุก มาช่วยดึงกองหลังออกมาได้ แต่กระันั้นก็ตาม หลายๆคนคงบ่นอุบเหมือนกันว่า ทำไมพี่แกพึ่งจะเปลี่ยน ทั้งๆที่มันชัดเจนมากว่าหลังจากเหลือ 10 คน อินเตอร์ คงทำอะไร บาร์ซ่า ไม่ได้แล้ว เหลือแค่ว่า บาร์ซ่า จะทำอะไร อินเตอร์ ได้ไหม

ผมเห็นเพื่อนๆผมบ่นว่า บาร์ซ่า ขาด "แผนสำรอง" ที่จะใช้แก้เกมส์ในเกมส์นี้ ซึ่งผมไม่เห็นด้วยนะ เพราะแผนสำรองในเกมส์นี้ที่ เป็ป ใช้นั่นก็คือการใช้ตัวจิ๊ดๆทั้งหลาย นั่นคือการเปลี่ยนมาใช้สามประสาน เปโดร, เมสซี่, เจฟเฟรน แทนที่แผนแรกที่ใช้่ อิบราฮิโมวิช เป็นหน้าเป้า (ซึ่งมันก็ชัดเจนว่า บอลมันมาไม่ถึง)


หลายๆคนคงบอกว่า เป็ป ควรจะใช้แผนสำรอง ตั้งแต่ต้นในเกมส์นี้ เพราะมันก็ชัดๆอยู่ว่า อิบรา ทำอะไรอินเตอร์ไม่ได้ ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในคนที่คิดเช่นนั้นนะ แต่หากมองบางมุม การจัดตัวของ เป็ป ก็มีเหตุผลเช่นกัน เขาอาจจะคิดว่าการส่ง อิบรา ลงมาน่าจะสามารถช่วยในลูกตั้งเตะต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นในเกมส์รุกหรือเกมส์รับ ผู้เล่นอย่าง อิบรา ประสบการณ์ต่างๆอาจจะช่วยได้ในเกมส์ระดับนี้ และ อาจจะอยากเก็บแผนสำรองไว้ใช้กับ อินเตอร์ ในช่วงที่ำพละกำลังของกองหลัง อินเตอร์ เริ่มหมดเรี่ยวหมดแรง เอาความเร็วของตัวจิ๊ดๆเข้าไปสู้

แต่ในเมื่อผลงานมันออกมาชัดเจน เสียงวิจารณ์ที่ตามมามันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้ง เป็ป ทั้ง อิบรา โดนกันทั้งคู่ โดยเฉพาะ อิบรา ซึ่งถูกตีตราหน้าว่าเป็นความล้มเหลวไปแล้ว.....เขาถูกวิจารณ์ว่าเป็นความล้มเหลวในเวทียุโรป....เป็นการซื้่อขายที่ผิดพลาดของ บาร์เซโลน่า ที่เสีย เอโต้ และัได้เขามา....ทำให้มันเริ่มมีกระแสข่าวชื่อของ ดาวิด บีย่า แรงขึ้นเรื่อยๆ ผนวกกับการที่เขาตกเป็นตัวสำรองในนัดที่เจอกับ บียาร์เรอัล แฟนๆยิ่งคิดมากเข้าไปใหญ่ (สำรองกับ บียาร์เรอัล ไม่มีอะไรหรอก นั่นหมายความว่า เป็ป ให้่พักมาอัดกับ เตเนริเฟ่ มากกว่า)

เกมส์นี้มันไม่ได้ถูกตัดสินกันที่ ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่น (ถึงแม้ กัมบิอาสโซ่ กับ ลูซิโอ เด่นเหลือเกิน) แต่สิ่งที่ทำให้ อินเตอร์ สมหวังคือความเข้าในเกมส์ และ แท็กติก ของผู้เล่นมากกว่า ถือว่าเป็นอีกหนึ่งครั้งที่ โฆเซ่ มูรินโญ่ แสดงให้เห็นถึงความสุดยอดของเขา (ซึ่งก็มีส่วนทำให้ ช่วงนี้ข่าวกับ มาดริด เยอะเหลือเกิน)

แฟนๆ บาร์ซ่า หลายๆคนคงยังค้างคาใจจากการตกรอบครั้งนี้....

หลายๆคนเสียดายโอกาสทองของ โบยาน ในช่วงครึ่งหลัง....



หลายๆคนเสียดายโอกาสทองของ เมสซี่ ที่โดนปัดปลายนิ้วโดย เซร์ซ่า ในครึ่งแรก.....



หลายๆคนเสียดายลูกล้ำหน้าของ ดิเอโก มิลิโต้ ในเลกแรกว่าไม่น่าเสียประตู.....



หลายๆคนเสียดายลูกที่ อัลเวส ล้มในจุดโทษเลกแรก....



หลายๆคนเสียดายที่ไม่ได้จุดโทษ แม้ อิบรา โดนดึงเสื้อขาด....


หลายๆคนเสียดายประตูสุดสวยของ โบยาน ที่มันไม่แฮนด์....





แต่นี่แหละครับฟุตบอล....และนี่แ่หละคือสิ่งที่ทำให้มันสวยงาม....(ไม่รู้จริงเปล่า เห็น พลาตินี่ มันพูดๆอยู่....)
blog comments powered by Disqus
ติดต่อ โฆษนา แนะนำ สอบถาม ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ ได้ที่
 
Web Analytics