ได้เคยเขียนสถานการณ์โดยรวมก่อนเข้าสู่สัปดาห์ที่ 37 ไปก่อนหน้านี้แล้ว (ใครยังไม่ได้อ่านลองไปอ่านได้ คลิ๊ก) เรอัล มาดริด จำเป็นต้องเก็บสามคะแนนสถานเดียว แล้วยังต้องไปลุ้นให้ เซบีย่า สามารถเก็บคะแนนใน ราม่อน ซานเชส ปิซกวน ให้ได้ด้วย ถึงจะสามารถแซงขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงก่อนจะเตะนัดสุดท้ายของฤดูกาล
ส่วน แอธเลติก บิลเบา ใช่ว่าจะเป็นงานง่าย....เพราะตอนนี้พวกเขาก็กำลังเล่นเพื่อพื้นที่ยุโรป ตอนนี้ตาม บียาร์เ้รอัล และ เกตาเฟ่ อยู่ 1 แต้ม....สามทีมนี้กำลังแย่งพื้นที่ ยูโรป้า ลีก อันดับ 6 กัน....(อันดับ 5 คงเป็นของทีมที่อกหักไม่ได้ไปถ้วยใหญ่ ไม่ เซบีย่า ก็ มายอร์ก้า).....นอกจากนั้น ยิ่งเป็นการเจอ เรอัล มาดริด....บิลเบา ซึ่งก็เป็นสโมสรเก่าแก่ เป็นหนึ่งในสามสโมสรที่ไม่เคยตกชั้นไปอยู่ดิวิชั่นอื่น (ปีก่อน เคยเกือบไปแล้ว เสียวไส้จริงๆ) (อีกสองก็คือ มาดริด และ บาร์ซ่า) ผู้เล่นของ บิลเบา ก็เป็นพวกกำเนิดในแคว้น บาสก์ ทั้งนั้น (อ่านเพิ่มเติม) เรื่องความขัดแย้งทางวัฒนธรรม ตั้งนานมาแล้ว...น่าจะทำให้เพิ่มดีกรีความร้อนแรงของเกมส์นี้ได้บ้าง....ที่แน่ๆคือ บิลเบา ไม่ได้มาเตะเล่นไปวันๆแน่
ผลงานในบ้านของ เรอัล มาดริด ในปีนี้ถือว่าสามารถเก็บคะแนนได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ...เล่น 18 นัด ชนะ 17 แพ้่ 1 (แพ้ บาร์ซ่า 0-2)....ส่วน บิลเบา ตอนนี้มี 51 คะแนน 34 คะแนนเป็นการเล่นในบ้าน ส่วนอีก 17 คะแนนเป็นการเล่นนอกบ้าน....ครึ่งต่อครึ่งเลย....เล่นนอกบ้านไป 18 เกมส์ แพ้ไปครึ่งนึง (แพ้ 9 ชนะ 4 เสมอ 5)
นัดแรกที่เจอกัน เรอัล มาดริด ไม่มี กอนซาโล่ อิกวาอิน ไปเยือน เอสตาดิโอ ซาน มาเมส ช่วงแีรกโดนบุกเละเทะเลย แล้วก็โดนยิงตั้งแต่เริ่มเกมส์มาได้แค่ 3 นาทีโดย เฟร์นานโด ยอร์เรนเต้ ซัดเข้าไปไม่เหลือ แล้วสุดท้ายก็สามารถยันไว้ได้
การเจอกันในช่วงหลังๆที่ เบอร์นาบิว ดูเหมือนจะไปเข้าทาง เรอัล มาดริด ซะหมด ถ้าจะนับครั้งสุดท้ายก็ต้องย้อนไปตั้งแต่ฤดูกาล 04/05 ที่ แอธบิลเบา มาชนะที่เบอร์นาบิวได้ 2-0 ซึ่งตอนนั้นเป็นจุดตกต่ำของ กาลาคติกอส ยุคแรก
ส่วนครั้งล่าสุดที่เจอกัน เรอัล มาดริด ก็เฉือนชนะไปได้ในที่สุด 3-2....โดยฮีโร่คนๆนั้นก็ไม่ีใช่ใครที่ไหน...กอนซาโล่ อิกวาอิน นั่นเอง ทำสองประตูในเกมส์....
ผมเคยเขียนพรีวิวเกี่ยวกับ แอธเลติก บิลเบา ไปแล้วรอบนึง ตอนนั้น บิลเบา จะเจอ บาร์ซ่า (เป็นสัปดาห์ก่อนเกมส์ เอล กลาซิโก)....ซึ่งมันก็ไม่นานมานี้เอง เพราะฉะนั้นขออณุญาติ ก็อปปี้บางส่วนมา แล้วก็ปรับแต่งนิดๆหน่อยๆให้มันทันสมัยละกัน..
รายชื่อทีมของ แอธเลติก บิลเบา ที่เดินทางมา มาดริด
ATHLETIC BILBAO SQUAD LIST:
Goalkeepers: Iraizoz, Armando
Defenders: Koikili, Ustaritz, Amorebieta, San Jose, Iraola, Iturraspe
Midfielders: Yeste, Gabilondo, Susaeta, Gurpegi, Javi Martínez
Forwards: Toquero, Llorente, Muniain, De Marcos, Etxeberria
บิลเบา อย่างที่เคยเขียนๆไปแล้วก่อนหน้านี้ มีระบบเยาวชนที่ปั้นนักเตะขึ้นมาได้ดี (ผนวกกับการยืมนักเตะบาสก์จากสโมสรอื่นๆ) โดยที่หลังๆเป็นที่พูดถึงคงไม่พ้นสามชื่อหลักๆอย่าง มิเกล ซาน โฆเซ่, ออสก้า เด มาร์กอส, และ ที่ขาดไม่ได้ อีเคร์ มูเนียอิน
มิเกล ซาน โฆเซ่ นักเตะบาสก์ที่ยืมมาจาก ลิเวอร์พูล
(30 - 7 - 09) มูเนียอิน เปิดตัวกับ แอธเลติก บิลเบา ในวัยเพียง 16 ปี 7 เดือน 11 วัน ลงมาในเกมส์ ยูโรป้าลีก เจอกับ BSC Young Boys ลงมาในฐานะตัวสำรอง และกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ได้สวมเสื้อสโมสรลงสนามในนัดอย่าง เป็นทางการในนามนักเตะ แอธเลติก บิลเบาเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่น่าสนใจมากๆ หลายๆคนคิดว่าเขาน่าจะมาแรงในปีนี้ แต่เท่าที่ดูก็ยังไม่แรงเท่าที่คาดคิด แต่อย่างว่า อายุยังน้อย (ยังแค่ 17 ยังไม่ 18 เลย!) เป็นเด็กที่ชอบอยู่ถูกที่ถูกเวลา และ สามารถสร้างความแตกต่างได้ ตัวเล็ก แต่ก็ไม่ใช่หมูๆ หลายๆคนยกย่องให้เป็น เมสซี่ แห่งแคว้น บาสก์ กันเลยทีเดียว ปีนี้ลงเล่นไปแล้ว 26 นัด ทำไป 3 ประตู นัดที่แล้วที่ บิลเบา เล่นในบ้านแล้่วชนะ มาดริด มูเนียอิน เจ็บ...แต่ในเกมส์นี้มีชื่อติดทีมด้วย ต้องรอดูว่าจะมีโอกาสลงมาโชว์ผลงานหรือไม่...
อาทิตย์ถัดมา มูเนียอิน ยิงประตูให้ บิลเบา ใน ยูโรป้าลีก และกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในนามนักเตะ แอธเลติก บิลเบา ในนัดอย่างเป็นทางการ
(30 - 8 - 09) มูเนียอิน ลงสนามให้กับ บิลเบา ในลาลีก้านัดแรกของฤดูกาล 09/10 เป็นการเจอกับ เอสปันย่อล ในฐานะตัวจริง และกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ได้สวมเสื้อสโมสรลงสนามในเกมส์ลีกใน นามนักเตะ แอธเลติก บิลเบา
(4 - 10 -09) มูเนียอิน กลายเป็น ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถยิงประตูได้ในลีกสูงสุด หลังจากยิงประตูให้บิลเบา ก่อนเสมอกับ เรอัล บายาโดลิด ไป 2-2 (ในวัย 16 ปี 289 วัน)
กาปาร์ลอส คุมทีมได้ดีมากๆ พวกเขาไม่ใช่ทีมมีผู้เล่นฝีเท้าจัดๆ แต่เน้นความแข็งแกร่ง และ ความก้าวร้าวในการเล่นเข้าสู้ เล่นเกมส์เซตพีซได้ดี แล้วก็โต้กลับทางด้านริมเส้นได้บ่อยครั้ง กองหลังเล่นลูกกลางอากาศได้ดี เฟร์นานโด อโมเรบิเอต้า เป็นเซนเตอร์ แข็งแกร่ง ซึ่งมีเทคนิก และ เล่นกับบอลได้ดี น่าจะได้ยืนคู่กับ ซาน โฆเซ่ ดาวรุ่งที่พิมพ์ไปก่อนหน้านี้ แบ็คขวาก็มี อันโดนี่ อิราโอล่า แบ็คดีกรีทีมชาติสเปน
ตรงกลางสนามผมว่าคงเป็น ฆาบี มาร์ติเนซ กับ อิกอร์ กาบิลอนโด้ รายแรก ฆาบี มาร์ติเนซ หลายๆคนคงคุ้นชื่อ เพราะมีข่าวกับทีมใหญ่มากมาย โดยเฉพาะหลัีงๆ มีข่าวว่าเป็นเป้าหมายของ เรอัล มาดริด (ซึ่งจะเจอกันในวันนี้) ด้วย....เห็นว่าเล็งๆไว้จะเอามายืนคู่ ซาบี อลอนโซ่...เป็นมิดฟิลด์ตัวรับดาวรุ่งที่น่าสนใจมากๆ สามารถสร้างเกมส์ได้ ขึ้นไปยิงประตูได้บ้าง สามารถไปกับบอลได้ดี แข็งแกร่ง
บิลเบา เซ็นมาตอนอายุ 17 ด้วยค่าตัวมากถึง 6 ล้านยูโร (ถือว่าเยอะมากสำหรับเด็กอายุ 17 และสโมสรอย่าง บิลเบา) ตอนนี้อายุแค่ 21 ฤดูกาลนี้เป็นตัวหลักของทีมอย่างแท้จริง ลงเล่นไปแล้ว 33 นัดในลาลีก้า ทำไป 5 ประตู
วันนี้มีชื่อติดทีมด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้ลงตัวจริงรึเปล่า....เพราะสภาพร่างกายไม่ 100% ถึงแม้ว่านัดที่แล้วจะได้พัก เพราะติดโทษแบนก็ตาม
เฟร์ นานโด ยอเรนเต้
กองหน้าอย่าง กาอิซก้า โตเกโร่ ซึ่งใครจำได้ เป็นคนยิงตีเสมอให้ บิลเบา ในเกมส์ที่เจอกับ บาร์ซ่า ที่เสมอกันมาในนัดครึ่งซีซั่นแรก ขยันมากๆ คอยวิ่งไล่ไม่ให้กองหลังเล่นกับบอลได้ถนัด กับ เฟร์นานโด ยอเรนเต้ เจ้าของส่วนสูง 195 เซนติเมตร สามารถสร้างอันตรายได้ตลอด โดยเฉพาะ ยอเรนเต้ ซึ่งฟอร์มดีมากๆเอาในนัดที่แล้ว ตอนนี้ก็กำลังลุ้นโควต้าไปบอลโลกอยู่
การ์ปาลอส จะมาเล่นในระบบ 4-4-2 โดยมี เฟร์นานโด ยอร์เรนเต้ เป็นตัวหลักในเกมส์รุก และมี กอร์ก้า อิไรซอซ เป็นประตู มิเกล ซาน โฆเซ่ และ อามอเรบิเอต้า ช่วงหลังๆนี่ยึดตัวจริงได้อย่างเหนียวแน่น โดยมี กอยกิลี่ เป็นแบ็คซ้าย (แต่เนื่องจากความฟิตยังไม่แน่ว่าจะ 100% อาจจะเป็น กาสตีโย่ ลงแทน) และ อิราโอล่า อยู่ด้านขวา ซึ่งน่าเป็นห่วง มาดริด เหมือนกัน เพราะว่า มาร์เซโล่ วันนี้น่าจะกลับมาลงตัวจริง ถ้าเติมเยอะ ทิ้งที่ว่างไว้ อิราโอล่า ซึ่งมีสปีดอยู่แล้ว ก็สามารถโดนสวนกลับเร็วสร้างอันตรายได้เช่นกัน
บิลเบา เน้นสไตล์สู้ไม่ถอยอยู่แล้ว ภายใต้การคุมทีมของ การ์ปาลอส พวกเขามักจะกดดันแนวรับคู่แข่งได้ตลอดเวลา พยายามขโมยบอล แล้วหาจังหวะสวนกลับเร็ว ผู้เล่นจับบอลสองสามจังหวะแล้วก็จ่ายบอลตลอด ก่อนจะฝากบอลออกทางปีก แล้วครอสให้ ยอร์เรนเต้ ทำประตู
11 ตัวจริงน่าจะออกมาประมาณนี้ :
อิำไรซอซ
อิราโอล่า - ซาน โฆเซ่ - อามอเริบเอต้า - กอยกิลี่/กาสตีโย่
กูร์เปกี - อิตูร์รัสเป้ - ซูซาเอต้า/มาร์ติเนซ - กาบีลอนโด้
โตเกโร่ - ยอร์เรนเต้
มาดูฝั่งเจ้าบ้านบ้าง...
รายชื่อ :
REAL MADRID SQUAD LIST
Goalkeepers: Casillas, Dudek
Defenders: Arbeloa, Sergio Ramos, Marcelo, Albiol, Garay, Metzelder
Midfielder: Gago, Diarra, Kaka, Lass, Guti, Drenthe, Xabi Alonso, Granero
Forwards: Cristiano Ronaldo, Benzema, Higuain
เ้ปเยกรินี่ ได้เรียก 19 ผู้เล่นที่จะมีสิทธิลงสนามในเกมส์คืนนี้เรียบร้อยแล้ว โดยยังคงไม่มี ราอูล, เปเป้, และ ฟาร์ท ซึ่งยังคงเรียกความฟิต เพื่อหายจากอาการบาดเจ็บเหมือนเดิม
มาร์เซโล่ กลับมามีชื่อในทีม หลังจากนัดที่แล้วโดนแบนไป เช่นเดียวกับ ลาส ที่หายหน้าหายตาไปนาน ส่วนคนที่หลุดออกไปก็เป็น ฆวนฟราน เด็กจากกาสตีย่า ที่ติดทีมมาสองนัดก่อนหน้านี้ (แล้วก็ได้ลงสนามนัดกับ โอซาซูน่า ด้วย)
วันนี้จะเป็นนัดในบ้านนัดสุดท้ายของฤดูกาลนี้ ซึ่งหมายความว่า ถ้าผู้เล่นคนไหนจะย้ายออกไป นัดนี้ก็จะเป็นนัดสุดท้ายของเขาต่อหน้าแฟนบอล....และหนึ่งในนั้นก็คือ กูตี ครับ.....ตามที่เขาเคยได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้
วันนี้ึคาดว่าเขาน่าจะได้ลงตัวจริง ทำเกมส์คู่กับ กาก้า โดยมี ซาบี อลอนโซ่ และ เฟร์นานโด กาโก้ คอยปั้นบอลจากหลังไปให้ คนที่หลุดจากตัวก็เป็น เอสเตบัน กราเนโร่ แต่คาดว่าน่าจะได้ลงในครึ่งหลังแทน กูตี ซึ่งความฟิตในโค้งสุดท้ายของเขา จะให้เล่น 90 นาทีเต็มคงยาก แล้วก็ตามสไตล์ ก็จะได้รับเสียงปรบมือจากแฟนๆบอล เป็นเกียรติแก่เขาครั้งสุดท้ายต่อหน้าแฟนบอลในเบอร์นาบิว
กองหลังได้ มาร์เซโล่ ซึ่งฟอร์มในฐานะแบ็คซ้ายช่วงหลังๆนี่สุดยอดจริงๆ เรียกว่าลบคำสบประมาทในช่วงต้นฤดกาลได้อย่างสิ้นเชิง กลับมา ก็น่าจะกลับมาลงเป็นตัวจริง อาเบลัว กลับไปด้านขวา รามอส กลับเข้ากลาง การาย กลับสู่ม้านั่งสำรอง
กองหน้าก็ไม่น่ามีไรเปลี่ยน น่าจะใช้คู่เดิม
11 ตัวจริงน่าจะออกมาดังนี้ :
กาซิยาส
อาเบลัว - อัลบิโอล - รามอส - มาร์เซโล่
อลอนโซ่ - กาโก้
กาก้า - กูตี
อิกวาอิน - โรนัลโด้
คิดว่าวันนี้ เรอัล มาดริด ในที่สุดน่าจะเก็บชัยชนะได้....ดูเหมือนความกดดันตอนนี้จะไปอยู่ที่ ซานเชส ปิซกวน มากกว่า....ที่สำคัญคือต้องมีสมาธิกับเกมส์ของตนเอง แทนที่จะไปหวังลุ้นผลในอีกสนามนึง และคาิดว่า เปเยกรินี่ ก็คงต้องกำชับลูกทีมให้เน้นผลของตนเป็นหลักแน่ๆ
(แฟนๆมาดริดคงอยากเห็นภาพนี้อีกซักครั้ง)
ขอให้ดูบอลอย่างมีความสุขครับ!
